LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING
arise on the street.
ในแวดวงสตรีทอาร์ตติส หากเอ่ยชื่อของ ฐิติภูมิ เพ็ชรสังข์ฆาต อาจไม่เป็นที่คุ้นหูใครหลายคนนัก แต่หากเรียกขานเขาเสียใหม่เป็น ‘AnOfficerDies’ เชื่อแน่ว่าทุกคนต้องรู้จักและจดจำคาแรคเตอร์ปีศาจสี่ตาและผองเพื่อน ‘Millions Monster’ อันเป็นเอกลักษณ์ของ สตรีทอาร์ตติสคนนี้ได้เป็นอย่างดี
ใช่แล้ว ‘AnOfficerDies’ เป็นชื่อในการทำงานศิลปะสายสตรีทของ กอล์ฟ-ฐิติภูมิ เพ็ชรสังข์ฆาต กราฟฟิกดีไซเนอร์หนุ่มวัย 39 ปี แห่ง ducstore the design guru นั่นเอง ส่วนที่เขาใช้นามแฝงในการทำงานในฐานะสตรีทอาร์ตติส นั้นก็เพราะอยากแยกบทบาทระหว่างงานประจำและงานอดิเรกซึ่งเขารักเท่าๆ กันออกจากกัน...เท่านั้นเอง

ในรอบหลายปีหลังมานี้ ‘Millions Monster’ ของกอล์ฟ ‘AnOfficerDies’ ได้รับการจับตามองมากขึ้น หนึ่งในผลงานอันโดดเด่นของ ฐิติภูมิ คือการได้รับเลือกเป็นหนึ่งในหกศิลปินที่มาร่วมโครงการวาดรูปบนผนังไซต์ก่อสร้างโครงการสามย่านมิตรทาวน์เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งทำให้ผองเพื่อนปีศาจ ‘Millions Monster’ ของเขาปรากฏสู่สายตาสาธารณะ มีคนไปถ่ายรูปกับภาพวาดของเขามากมาย จนทำให้ ‘AnOfficerDies’ ได้รับโอกาสในการทำงานชิ้นใหญ่ๆ ตามมาอีกมายมาย ทั้งงานเพนต์ผนัง งานออกแบบคาแรคเตอร์ ฯลฯ
งานที่เขาทำเป็นงานอดิเรกกำลังไปได้สวย ขณะเดียวกัน ในฐานะกราฟิกดีไซเนอร์ กอล์ฟ ก็ทุ่มเทและมุ่งมั่นให้กับงานของตัวเองอย่างเต็มที่
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักชีวิต ความคิด และความเป็นมาของ ฐิติภูมิ เพ็ชรสังข์ฆาต หรือ ‘AnOfficerDies’ คนนี้กันให้มากขึ้น เพื่อที่คุณจะได้ไม่แปลกหน้ากับเหล่าปีศาจสี่ตาที่อาจพบเจอตามท้องถนนในอนาคต

“ผมทำงานเป็นกราฟิกดีไซเนอร์มา 16 ปีแล้วครับ” กอล์ฟ เริ่มเล่า “ผมเรียนจบนิเทศศาสตร์จาก (มหาวิทยาลัย) สวนสุนันทา ปี 2546 ช่วงปีสุดท้าย ต้องฝึกงานผมก็ร่อนจดหมายฝึกงานไปตามเอเจนซี่แต่ก็ไม่ได้สักที่ อาจเพราะเราไม่เก่งในทางนั้น จนช่วงนั้นได้อ่านนิตยสาร a day แล้วเขาก็สัมภาษณ์ บริษัท ductstore the design guru จำได้ว่าเขาเขียนว่าเหมือนทีมลีดส์ ยูไนเต็ด ที่มีแต่คนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ผมก็โทรไปขอฝึกงานพี่คนหนึ่งเขาถามว่าทำกราฟิกฯ ได้ไหม ผมก็ตอบว่าทำได้ครับ เขาถามว่าจบนิเทศศิลป์ใช่ไหม ผมตอบว่านิเทศศาสตร์ เขาเลยบอกว่าเดี๋ยวๆ งั้นคุยกับพี่อีกคนหนึ่ง แล้วก็คงส่งโทรศัพท์ให้พี่หมู (นนทวัฒน์ เจริญชาศรี ผู้ก่อตั้ง บริษัท ductstore the design guru) ปรากฏว่าตอนแรกพี่หมูไม่มั่นใจว่าผมจะทำได้ไหม เพราะจบมาไม่ตรงสายงานออกแบบ เขาก็เลยให้การบ้านผมไปทำก่อนจะฝึกงานจริง ๆ หนึ่งเดือน ผมก็เอาการบ้านมาทำนะ ผมรู้ว่าผมไม่เก่งหรอก แล้วผมก็ไม่ได้เรียนมาตรงสายงานด้วย แต่อาศัยว่าผมไปแอบเรียนกับเพื่อน ๆ และผมก็พยายามมาก ๆ เชื่อไหมผมทำงานมา 16 ปี ยังไม่เคยเห็นเด็กฝึกงานคนไหนได้การบ้านไปทำก่อนเริ่มฝึกจริง ๆ เหมือนผมเลย ปรากฏว่าพี่หมูรับผมฝึกงาน หลังจากฝึกงานเสร็จพี่หมูก็ให้ผมทำงานต่อเลยเป็น กราฟฟิก ดีไซเนอร์ ก็ทำมาตั้งแต่วันนั้นจนทุกวันนี้ เท่ากับว่าผมทำงานออกแบบ เป็น กราฟฟิก ดีไซเนอร์ ได้ก็เพราะที่ ductstore นี่แหละที่ให้ทุกอย่างกับผม ให้ผมได้เรียนรู้” กอล์ฟเล่าถึงความหลัง

เมื่อทำงานไปได้ระยะหนึ่ง ในฐานะกราฟิก ดีไซเนอร์ งานของกอล์ฟถือว่าก้าวหน้าเป็นอย่างดี งานแล้วงานเล่า ล้วนผ่านการออกแบบของเขานั่นทำให้เขาเติบโต แต่ในขณะเดียวกันในฐานะคนทำงานประจำก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องหาอะไรสักอย่างทำเพื่อผ่อนคลายตัวเอง ซึ่งกอล์ฟเลือกการวาดรูปเล่น การวาดรูปที่เขายังไม่รู้ว่ามันจะพาเขาออกเดินทางไกล



“การได้ทำงานศิลปะหรือวาดรูปเป็นการผ่อนคลายตัวเองจากจากงานที่ทำประจำในทุก ๆ วันนะครับ จริง ๆ จุดเริ่มต้นที่วาดมันไม่ได้เป็นแบบที่เห็นนี้ด้วยซ้ำมันเริ่มมาจากเรากำลังเล่นกับแมวอยู่หน้าบ้าน แล้วก็ไปเห็นซอกแตกที่ประตู ก็รู้สึกว่ามันเหมือนสัตว์ประหลาด เลยวิ่งไปหยิบปากกามาวาดตา วาดหน้า เริ่มรู้สึกว่าเราชอบว่ะ หลังจากนั้นเราก็เริ่มมองหา monster ของเราไม่หยุดเลย เจอตรงไหนก็วาดตรงนั้น เหมือนเราได้ค้นพบวิธีทำงานศิลปะของเราแล้วว่ามันจะเป็นงานอาร์ตที่อยู่ตรงนั้น วาดตรงไหนจะอยู่ตรงนั้นตลอดไป เราไม่สามารถหยิบมันติดมือกลับบ้านมาด้วยได้ เราก็เลยเริ่มกลับมาสเก็ตช์คาแรคเตอร์ของเรา
“ดราฟต์แรกๆ ที่ผมลองวาดยังไม่มีสี่ตาอย่างที่เห็นนะครับ มันก็เป็นหน้าทั่ว ๆ ไปนี่แหละ แล้วผมก็ลองวาดแบบอื่นด้วย ลองวาดเป็นพัน ๆ ตัว แล้วเลือกตัวที่ผมชอบที่สุด นั่นก็คือมิสเตอร์ มาร์แต็ง (Mr. Martin) เอามาทำต่อ นั่นคือตัวแรกของ Millions Monster
“บังเอิญว่าตอนนั้นผมดาวน์โหลดอินสตาแกรมมา เห็นเขาโพสต์รูปกัน แต่ผมไม่รู้จะโพสต์อะไร ก็เลยลองเอารูปสเกตช์ที่วาดแล้วนี่แหละ โพสต์ในไอจี วันละรูป จนเริ่มมีคนเห็น มีคนสนใจมากขึ้น มีคนแชร์ไปซึ่งมันก็เป็นกำลังใจให้เราวาดไปเรื่อย ๆ นะครับ” กอล์ฟเผย
และเมื่องานอดิเรกของเขา เดินทางมาถึงจุดที่มีคนสนใจระดับหนึ่ง กอล์ฟก็เริ่มคิดว่าเขาควรแยกงานอดิเรกออกจากงานประตำ นั่นเป็นที่มาของชื่อที่เขาเรียกขานตัวเองในฐานะสตรีทอาร์ตติส และชื่อนั้นก็คือ ‘AnOfficerDies’


“มันก็เหมือนกับว่าเวลาที่ผมวาดรูป พนักงานประจำคนนั้นได้ตายไปแล้ว ก็เลยตั้งชื่อว่า ‘AnOfficerDies’ ครับ” กอล์ฟอธิบาย
และเมื่องานของ ‘AnOfficerDies’ ได้ปรากฏต่อสายตาเพื่อนฝูงนักออกแบบ เพื่อนศิลปินต่าง ๆ แล้ว บทบาทในฐานะศิลปินของเขาก็เริ่มจริงจังมากขึ้น
“วันหนึ่ง พี่กิ๊บ รักกิจ (ควรหาเวช) ที่ตอนนี้เป็นศิลปินระดับประเทศไปแล้ว บอกกับผมว่า เฮ้ย จะมาวาดบนกระดาษไปตลอดเลย ทำไมไม่ลองทำงานที่มันโอเวอร์สเกล งานที่มันใหญ่ ๆ ดูบ้าง ก็ทำให้ผมมาคิดต่อ จนตัดสินใจไปซื้อสี พู่กัน อุปกรณ์ต่าง ๆ ไปพ่นกำแพงแถวบ้านที่บางซื่อ พอทำเสร็จเราถ่ายรูปโพสต์ไอจีเพราะคิดว่ามันเจ๋ง แต่สักพักเราก็เห็นแต่ความผิดพลาด เรายังไม่แม่นพอที่จะทำงานที่มันมีขนาดใหญ่ขนาดนั้น มันก็เลยเป็นความท้าทายของเราว่ามันจะแม่นกว่านั้นอีกได้หรือเปล่า
“พอเริ่มจากกำแพงแรก หลังจากนั้นเราก็ออกไปทำงานบนถนนเยอะขึ้น เราใช้อุปกรณ์ที่ดีขึ้น ผมไปเรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ จากการดูคลิปในยูทูปว่าคนอื่นเขาทำกันยังไง แต่ยังไงต่อให้ผมออกไปทำงานข้างถนน ผมก็ไม่เคยทิ้งการวาดรูปเลย ผมวาดทุกวัน ผมเชื่อเรื่องการทำอะไรให้ครบ 10,000 ชั่วโมง แล้วเราจะเป็นเจ้าของสิ่งนั้น ช่วงแรก ๆ ที่ผมทำ ‘Millions Monster’ ก็มีคอมเมนต์จากเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ว่ามันคล้ายงานของศิลปินคนนั้นคนนี้ไหม ผมก็ฟังนะ แต่ผมไม่ให้น้ำหนักขนาดนั้น แค่คิดว่าเราต้องพัฒนางานของเราต่อไป
“ผมก็เลยตัดสินใจหยุดวาดรูปหนึ่งวัน เพื่อเอาวันนั้นมาสเก็ตช์เฉพาะหน้าของคาแรคเตอร์ของเรา สเกตช์จนได้รูปแบบเฉพาะของเรา ที่มีสี่ตาเชื่อมติดกัน หน้ายิ้ม มีคนถามว่าทำไมต้องมีสี่ตา คำตอบคือผมเกิดวันที่สี่แค่นั้นเลย ไม่มีความหมายอะไรอื่นอีกเลย ส่วนสีน้ำเงินของ Mr. Martin เพราะเป็นสีของสโมสรฟุตบอลเชลซีที่ผมชอบ ง่าย ๆ แค่นั้นเอง

“จริง ๆ ในตอนแรกยังไม่เป็น ‘Millions Monster’ หรอกนะครับ แต่พอได้คาแรคเตอร์แรกแล้วก็อยากวาดอีก ตั้งใจจะวาดให้มันเยอะ ๆ ทีนี้ เราไปเจอคำว่า ‘millions’ มาจากกระเป๋าแบรนด์ Carhatt ที่เขาสกรีนคำว่า ‘from mill to millions’ เราก็ชอบคำว่า ‘millions’ เลยเอามาตั้งชื่อเป็นชุดคาแรคเตอร์ ‘Millions Monster’” ” กอล์ฟเล่าให้ฟังถึงที่มาของคำว่า ‘Millions Monster’
หลังจากนั้น แม้จะยังเป็นแค่งานอดิเรก แต่ก็กล่าวได้ว่า ‘Millions Monster’ เริ่มมีชีวิตและหนทางเป็นของตัวเองในแบบที่จริงจังมากขึ้น มีคนสนใจมากขึ้น ชื่นชอบมากขึ้น ราวกับว่าถึงเวลาแล้วที่แก๊งสัตว์ประหลาดนอกเวลางานของกอล์ฟจะออกพบปะผู้คนในวงกว้างเสียที

“งานที่ทำให้คนเห็นงานของเราหรือว่าสนใจมันจริง ๆ ก็คือผนังที่ผมทำให้กับโครงการสามย่านมิตรทาวน์ เรียกว่าเป็นผนังที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตผมจริง ๆ ผนังนี้เป็นการเพนต์บนบอร์ดที่เป็น Hoarding (ผนังหรือรั้วชั่วคราวที่สร้างขึ้นขณะทำการก่อสร้าง) ซึ่งโครงการเขาชวนศิลปิน 6 คนมาทำงานศิลปะบน Hoarding รอบ ๆ ไซต์งาน ผมเป็นหนึ่งในศิลปินที่ได้รับเลือก ซึ่งคนอื่นเขาใช้วิธีพ่นบนกำแพงหมดเลย มีผมคนเดียวที่เพนต์ ทำให้ผมทำนานกว่าชาวบ้านเขาคือทำอยู่สองวัน แต่ถ้าจะให้พูดจริง ๆ ก็ต้องบอกว่าบอร์ดนี้เป็นประตูบานใหญ่ที่เปิดให้คนอื่นได้รู้จักงานของผม ผ่านมีเดียต่าง ๆ ที่เขานำเสนอออกไป คนก็มาดูมาถ่ายรูป บางคนรู้จักผมก็ถ่ายแล้วโพสต์แท็กผมมา ผมก็ดีใจ และทำให้ผมได้โอกาสทำงานอื่น ๆ มากขึ้น ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเราแล้วว่าจะทำยังไงกับโอกาสที่ได้รับหลังจากนั้น

“หลังจากทำงานที่โครงการสามย่านมิตรทาวน์แล้ว ก็มีงานอื่น ๆ เข้ามาครับ แทนที่จะเพนต์หรือพ่นสีกำแพงอย่างเดียว ก็จะมีออกแบบคาแรคเตอร์ งานออกแบบโปสเตอร์ งานที่ทำร่วมกับศิลปินท่านอื่น ๆ ด้วย งานพ่น เพนต์กำแพงก็มากขึ้น ห้างต่าง ๆ ก็ชวนไปทำ รวมทั้งงานที่สยามสแควร์ ซึ่งเป็นความฝันเลยนะ เราก็เดินสยามสแควร์มาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมาพ่นกำแพงก็ต้องขอบคุณกลุ่ม ATM Spray และจุฬาฯ ที่ชวนผม ซึ่งงานที่สยามฯ ก็ค่อนข้างสบาย ๆ ครับ และผมอยากงานชิ้นนั้นมันก็พูดกับคนที่นั่น มีบริบทที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ด้วย ซึ่งผมอยากทำงานที่ไปในลักษณะนี้มากขึ้นนะครับ” กอล์ฟกล่าว
“นับจากวันแรกที่ผมวาดรูป Monster ก็ 5 ปีแล้ว ผมก็ไม่คิดว่ามันจะมาถึงจุดนี้ได้ แต่รู้สึกดีใจยินดีอย่างบอกไม่ถูก ที่ได้เห็นงานที่เราทำไม่ว่าจะในรูปแบบไหนก็ตามได้ออกสู่สาธารณะ ผมคิดว่ามันเป็นความสุขนะ ส่วนในอนาคตก็ยังจะทำงาน ‘Millions Monster’ ต่อไปเรื่อย ๆ อยากทำงานที่สื่อสารกับคนอื่น ๆ งานที่พูดถึงความสนใจในชีวิต แนวคิดต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวเอง สังคมและอื่น ๆ โดยไม่จำกัดรูปแบบ ผมไม่สนใจเลยว่ามันจะเป็นอะไร เป็นสตรีทอาร์ตติส เป็นอาร์ติส ผมคิดแค่ว่าผมเป็นคนทำงานผมมีหน้าที่ทำงาน ผมไม่สนใจว่าผมจะเป็นอะไรในอนาคต ผมแค่รักที่จะทำงาน ผมคิดแค่นั้นจริง ๆ” กอล์ฟสรุปถึงคอนเส็ปต์ในการทำงานของเขาเอง ที่ไม่ว่าจะในฐานะอะไร ขอแค่รักที่จะทำงาน รักในงานที่กำลังทำ
กอล์ฟ ฐิติภูมิ สตรีทอาร์ตติสผู้ผจญภัยไปกับมอนสเตอร์บนท้องถนน
/
ทันทีที่ Key Visual สถาปนิก’ 68 เผยแพร่ออกมา บทสนทนาปลุกสัญชาตญาณนักสืบในตัวทุกคนพร้อมใจกันทำงานแบบ Autopilot และระหว่างที่ตามหาเฉลยกันจริงจัง ทุกคนเริ่มหันมาตั้งคำถามต่อว่า Art Toys เกี่ยวข้องกับธีมงานอย่างไร รู้ตัวอีกทีวงสนทนาก็กระเพื่อมขยายกว้างขึ้น ส่งสัญญาณชัดว่า Key Visual ปีนี้เปิดฉากมาแบบสนุกเอาเรื่อง โดนเส้นกันสุดๆ
/
วัลลภ รุ่งกำจัด หรือ อุ้ม นักแสดงที่เชื่อมโยงความเป็นมนุษย์กับโลกของภาพยนตร์ ผ่านการสร้างชีวิตให้ตัวละครต่าง ๆ ได้ออกมาโลดแล่นแสดงความรู้สึกทางอารมณ์ให้กับผู้ชม แม้เขาจะไม่ได้เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในวงกว้างเทียบเท่ากับนักแสดงกระแสหลัก แต่ในเวทีระดับโลก “อุ้ม” ได้พิสูจน์ตัวเองกับการเป็นนักแสดงที่มีความสามารถที่ยอมทุ่มเทหลาย ๆ สิ่ง ให้กับงานศิลปะด้านการแสดงในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้อย่างสุดตัว
/
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เราได้รู้จักกับเธอคนนี้ในชื่อของ พัด หรือที่ชอบเรียกติดปากกันว่า พัด ZWEED N’ ROLL เจ้าของเสียงทุ้มมีเสน่ห์ นักร้องและนักแต่งเพลงที่ฝากผลงานเพลงเศร้าเอาไว้ในวงการมากมาย อาทิ ช่วงเวลา, Diary, อาจเป็นฉัน และอีกมากมาย ไม่มีอะไรแน่นอนแม้กระทั่งตัวเราเอง ช่วงเวลาจึงได้พัดพาให้เรามาทำความรู้จักกับ “MAMIO” ในฐานะศิลปินใหม่จากค่าย Warner Music Thailand ซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งของคุณพัดที่ไม่เคยถูกปลดปล่อยออกมาเลยตลอดชีวิตการทำงานในวงการสิบกว่าปีที่ผ่านมา หรือถ้าจะให้ซื่อสัตย์กับตัวเองจริง ๆ ก็อาจจะเป็นทั้งชีวิตที่เกิดมาเลยเสียด้วยซ้ำ
/
Whispers เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่สะท้อนการเติบโตของวงการ Hardcore ในประเทศไทยอย่างแท้จริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงกลุ่มเพื่อนที่หลงใหลในดนตรี เพราะนอกจากจะเป็นผู้เล่น พวกเขายังเป็นกำลังสำคัญที่คอยผลักดันซีนฮาร์ดคอร์ในบ้านเรามาโดยตลอด ประสบการณ์ที่สั่งสมทำให้เกิดเป็นสไตล์เฉพาะของ Whispers สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้พวกเขาก้าวไปสู่เวทีระดับสากล ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ใต้ดินของไทย แต่เสียงคำรามของพวกเขาก็ดังไปไกลถึงทวีปยุโรป มาพบกับเส้นทางดนตรีที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและการเปลี่ยนแปลง กับวงฮาร์ดคอร์ระดับบท็อปของ Southeast Asia
/
ด้วยลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์และรูปแบบงานสักของเขา ที่เรารู้สึกแปลกประหลาดกว่างานสักอื่น ๆ (แปลกประหลาดในที่นี้คือความหมายในแง่ดีนะ) ก็เลยตัดสินใจส่งข้อความทักไปหา “พี่นัทครับ ผมขอสัมภาษณ์พี่ได้ไหม” “ได้ครับ” สั้น ๆ แต่จบ เรื่องราวทั้งหมดก็เลยเริ่มต้นขึ้นที่ร้าน CAVETOWN.TATTOO แถว ๆ ปิ่นเกล้า ซึ่งพี่นัทเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ บทสนทนาของเราเริ่มกันในช่วงเวลาบ่าย ๆ ของวันพฤหัส พอไปถึงร้านพี่นัทกำลังติดงานสักให้กับลูกค้าอยู่หนึ่งคน พอได้เห็นลายที่เขาสักต้องบอกว่าเท่มาก ๆ มันมีความเป็น Psychedelic บวกกับ Ornamental ผสมผสานกับเทคนิค Dotwork จนกลายเป็นงานศิลปะบนผิวหนังหลังฝ่ามือ เราถึงกับต้องถามคำถามโง่ ๆ กับลูกค้าที่ถูกสักว่า “เจ็บไหม” แน่นอนคำตอบที่ได้คือ “โคตรเจ็บ” เพราะจุดที่สักคือหลังฝ่ามือ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายคนร่ำลือกันว่าโคตรเจ็บ ระหว่างที่รอพี่นัทไปพลาง ๆ น้องแมคช่างภาพที่มีรอยสัก Full Sleeve เต็มแขนขวา ก็เริ่มกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปเก็บภาพระหว่างที่เขาสักไปด้วย พอสักเสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยให้พี่เขาพักผ่อนกินน้ำ ปัสสาวะ (อ่านแยกคำนะอย่าอ่านติดกัน) ก่อนจะพูดคุย แต่เดี๋ยว ! ก่อนจะเริ่มบทสนทนา เราขอเกริ่นให้ฟังซักนิดนึงเกี่ยวกับชายคนนี้ก่อน
/
ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีวงดนตรีสัญชาติไทยที่ชื่อ KIKI ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในวงที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากทั้งในประเทศไทย ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง ก็เพราะด้วยเสียงเพลงที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และการนำเสนอแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงความตั้งใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงตัวตนของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )