เปิ้ล-ณัฐบูร ไตรณัฐี ผู้ก่อตั้ง My Life is Journey งาน Outdoor Lifestyle ที่รวมอุปกรณ์เดินทาง รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ จักรยาน แพ็คเกจการเดินทาง รวมถึงแอคเซสซอรี่ของการเที่ยวแบบแคมป์ปิ้งที่ใหญ่ที่สุด และเป็นผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ hd-playground.com และมีเว็บบอร์ดที่เป็นศูนย์รวมคนรักมอเตอร์ไซค์ Harley Davidson และรถ Bigbike ทั่วประเทศ ทั้งยังเป็นผู้จัดงาน Bangkok Motorbike Festival ที่จัดอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 11 ปี
Photographer:
Suppha-riksh Phattrasitthichoke
Writer:
Pruetthikorn Ma-Ngam
Facebook:
mylifeisofficial
Instagram:
nattaboon
การเดินทางเก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆ ก่อนถึงวันสุดท้าย
ของชีวิตของเปิ้ล ณัฐบูร ไตรณัฐี
ผ่านไปครึ่งปีแล้ว ความทรงจำในหัวของคุณมีอะไรอยู่บ้าง? คำถามที่ทำให้เราได้ย้อนนึกถึงช่วงชีวิตตัวเองที่ผ่านมา หลายคนทุ่มเทเวลาทั้งหมดไว้กับงาน หลายคนเสียเวลากับการส่องชีวิตของคนอื่นบนเฟซบุ๊ก บางคนทำสิ่งที่สำเร็จมาแล้วมากมาย แล้วความทรงจำดีๆ ที่เรียกว่าความสุขของชีวิตจริงๆ ล่ะ มีเหลืออยู่บ้างไหม ออกไปค้นหาความทรงจำกับ “เปิ้ล-ณัฐบูร ไตรณัฐี” ผู้ที่ไม่ยอมให้ข้อจำกัดใดๆ มาขัดขวางการเดินทาง
ความมุ่งมั่นที่สัมผัสได้ผ่านแววตาของ “เปิ้ล” เมื่อได้มานั่งคุยกันซึ่งหน้า เราได้เห็นสิ่งของที่อยู่รอบตัวเขา มันแสดงให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์ของเขาอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ อุปกรณ์แคมป์ปิ้ง และแอคเซสซอรี่ต่างๆ หลายคนอาจรู้จัก “เปิ้ล” ในฐานะผู้จัดละครช่อง 3 แต่อีกมุมนึงเขาคือ ผู้อยู่เบื้องหลังงานอีเวนต์ใหญ่ๆ อย่าง Bangkok Motorbike Festival ที่จัดต่อเนื่องมา 11 ปี และล่าสุดกับงานแทรเวลแฟร์ My Life is Journey จัดขึ้นที่ เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
จากตัวคนเดียวสู่คอมมูนิตี้ของคนที่ชื่นชอบอะไรเหมือนกัน
“อาชีพแรกของผมเลยคือ Lighting Designer ออกแบบพวกแสง หลอดไฟ โคมไฟ ที่อยู่ในอาคาร โชว์รูม ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารต่างๆ งานผมจะเยอะมากในช่วงเทศกาล อย่างปีใหม่ก็ต้องขึ้นไฟห้างสรรพสินค้า ภายใน 2 เดือนต้องติดตั้งให้เสร็จ 9 สาขา มันทั้งเร่งและกดดัน รู้สึกว่าช่วงนั้นไม่มีความสุขกับการทำงานเลย แต่เราสนุกที่ได้ดีไซน์ไฟนะ ถ้าให้ดีไซน์สัก 2-3 ห้างฯ ก็ได้อยู่หรอก แต่พอ 7-8 ห้างมันเริ่มไม่สนุกแล้ว และในตอนนั้นสินค้าจากประเทศจีนเข้ามาแข่งขันในตลาดสูงมาก ซึ่งทุกอย่างมันว่าด้วยเรื่องราคา มันจึงทำให้ผมคิดว่ายากต่อการทำงานในธุรกิจเรา เลยต้องหยุดไป จากนั้นก็ได้กลับมาคิดทบทวนว่าสิ่งที่ทำอยู่มันตอบโจทย์ชีวิตเราแล้วหรือยัง มันมีอยู่สิ่งนึงที่อยู่กับผมมาตั้งแต่เด็กก็คือรถมอเตอร์ไซค์ ผมชื่นชอบมาตั้งแต่ ม.2 ขับมาตั้งแต่ Nova, Sprinter, NSR, Virago, ไล่ CC มาเรื่อยๆ ก็เลยตัดสินใจซื้อ Harley Davidson ตอนแรกก็เริ่มจากแค่ขี่สนุกๆ ก่อน แล้วรู้สึกว่ามันสนุก มันมีความสุข เคยรู้สึกมั้ยครับ เวลาเรามีความสุขกับสิ่งไหนก็อยากให้มีสิ่งนั้นมาอยู่รอบๆ ตัวเราตลอดเวลา ก็เลยทำเว็บไซต์ฮาร์ลีย์ขึ้นมา ใช้ชื่อว่า hd playground.com จุดประสงค์คืออยากจะได้คุยกับเพื่อนๆ ในเรื่องแต่งรถผ่านเว็บบอร์ด แต่สิ่งที่ได้จากการทำตรงนั้นคือผมได้เพื่อนเยอะมาก อย่างเวลาเดินทางไปต่างจังหวัด ก็จะมีเพื่อนจังหวัดนั้นจังหวัดนี้เดินทางมาเจอกัน มาพาไปเที่ยวบ้าง ไปดื่มกันบ้าง มันกลายเป็นว่าตัวเราอยู่กรุงเทพฯ แต่เรามีเพื่อนอยู่ทั่วประเทศเลย หลังจากนั้นก็เลยจัดงานที่อยากจะรวมเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์ได้มาเจอ จึงกำเนิดเป็น Bangkok Motorbike Festival ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมสนุกกับเรื่องมอเตอร์ไซค์มาก เป็นยุคที่ค่ายมอเตอร์ไซค์ Bigbike มีไม่กี่ค่าย และยังไม่มีโรงงานประกอบในไทย หลังจากนั้นก็ได้มาทำ Life and Kustom ที่เป็นร้านขายอุปกรณ์ เสื้อผ้า สำหรับคนรักมอเตอร์ไซค์ ในเรื่องของมอเตอร์ไซค์นี้ก็ทำมาทั้งหมด 10 กว่าปี ก็รู้สึกว่ามันอิ่มตัว แต่เราก็จะไปต่อ”
ชีวิตคือการเดินทาง ถ้ายังไม่หมดลมหายใจยังไงก็ไปต่อ
“ที่บอกว่าอิ่มตัวคือ ไม่ได้แปลว่าผมจะเลิกขี่มอเตอร์ไซค์นะ มันเป็นสิ่งที่ผมยังคงรักเสมอ แต่รู้สึกว่าอยากออกเดินทางท่องเที่ยวมากกว่านี้ มีช่วงนึงที่ผมเดินทางออกนอกประเทศค่อนข้างบ่อย ทั้งต่างประเทศ และในไทย เที่ยวไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าการได้ไปเที่ยวมันมีความสุข ชอบที่ได้อยู่กับธรรมชาติ มันเงียบสงบ เพราะว่าโลกของเรามันหมุนเร็วเกินไป รู้สึกว่าทุกอย่างมันเร็วไปหมด ชีวิตในกรุงเทพฯ ทั้งเร่งรีบ ทั้งกดดัน ตั้งแต่นั้นมันทำให้ผมรู้สึกหลงรักในการท่องเที่ยว การแคมป์ปิ้ง รู้สึกว่าการเที่ยวแบบเก็บดีเทลธรรมชาติมันเป็นทางใหม่ของเรานะ ทำให้เรามีพลังมากขึ้น มันเลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเที่ยวแบบแคมป์ปิ้งของผม”
“จำได้ว่าการแคมป์ปิ้งครั้งแรกคือไปที่เขาใหญ่ ไปคนเดียวเลยนะ สรุปคือนอนไม่ได้เลย เพราะเราไม่รู้ว่าต้องทำยังไงบ้างสำหรับการนอนเต็นท์ในป่า อากาศก็ไม่ได้เช็ค คือร้อนมาก แล้วอยู่ดีๆ ฝนก็ตก ทุกอย่างมันทุลักทุเลไปหมด วันนั้นจำได้ว่าออกจากบ้านตี 5 แล้วก็กลับบ้านบ่าย 3 วันนั้นเลย (หัวเราะ) เพราะเรารู้เลยว่าคืนนี้นอนไม่ได้แน่ๆ ก็เลยเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราต้องกลับมาศึกษาและเตรียมตัวใหม่ เริ่มเรียนรู้การใช้ชีวิต Outdoor มากขึ้น”
ความสุขที่ทุกคนสามารถเริ่มได้เลยตอนนี้
“คนเรามีข้อจำกัดค่อนข้างเยอะ จะออกไปเที่ยวหรือไปแคมป์ทีก็ต้องรอของให้พร้อมก่อน ต้องซื้อรถ SUV ซื้อนู่น ซื้อนี่ก่อน ซึ่งมันเป็นข้ออ้างไปเรื่อยๆ บางครั้งมันก็รอสิ่งที่เราควรจะมีนานเกินไป ผมคิดว่าความสุขมันเริ่มได้ตั้งตอนนี้เลยนะ มันเริ่มได้ตั้งแต่เรารู้สึกว่าชอบ หรืออยากได้อะไรบางอย่าง และข้อดีอีกอย่างเวลาเราอยากได้อะไรคือ มันเป็นแรงผลักดันให้เราอยากจะทำเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา เราอย่าไปมองว่าต้องได้ของมาแล้วถึงจะมีความสุข บางทีเมื่อเราได้สิ่งนั้นมาอยู่กับตัวแล้วความสุขมันอาจจะหายไปก็ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อได้สิ่งนั้นมาแล้วให้ใช้สิ่งนั้นให้เต็มที่”
“เอาง่ายๆ อย่างตอนนี้เรามีรถ 1 คัน มีรองเท้า 1 คู่ พามันออกเดินทางเลย อย่าไปรอว่าต้องมี SUV ก่อนถึงจะออกไปเที่ยวได้ มีรถอะไรก็ไปหมด ผมมี Jazz ผมก็ไปแล้วนะ บางทีเราอาจจะปรับแต่ง คัสตอมมันให้เข้ากับการใช้งาน ถ้าอยากจะลองแคมป์ปิ้ง ไปเขาใหญ่เลย ซื้อเต็นท์ธรรมดาสักอันไปลองนอนดูว่ามันเป็นยังไง พอเราไปครั้งนึงแล้วก็จะรู้ว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร บางคนชอบนอนเต็นท์ บางคนอาจไม่ชอบ บางคนชอบตะเกียงน้ำมัน บางคนชอบตะเกียงถ่าน ต้องลองให้รู้”
การนำความสุขมาทำให้เป็นรูปธรรม
“My Life is Journey เป็นการนำดีเทลของการท่องเที่ยวมาขยายต่อให้เป็นรูปธรรม ผมสัมผัสได้ถึงความพิเศษของการไปเที่ยวแบบลงดีเทลก็ตอนที่ผมพกบรอมตันจักรยานพับได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น เมื่อก่อนผมใช้จักรยานนี้ปั่นในหมู่บ้าน ปั่นอยู่ในเมือง แต่ผมลองเอาไปขี่เล่นที่ญี่ปุ่น มันทำให้ผมไปในที่ที่ไม่เคยไป ไปตามตรอกซอกซอยที่ลึกขึ้น ได้เข้าใกล้วัฒนธรรมท้องถิ่นมากขึ้น ได้เห็นไลฟ์สไตล์ชีวิตคนละแวกนั้นๆ ได้เห็นได้รู้จักคนท้องถิ่นมากขึ้น ก็รู้สึกมีความสุข ในระหว่างการเดินทางนั้นมันมีเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่มากมาย ตั้งแต่อุปกรณ์ที่เราพกพาไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นจักรยาน หมวก กล้องถ่ายรูป หรืออะไรก็ตาม พอรวมกันมันก็เกิดเป็นไลฟ์สไตล์ขึ้นมา จากเมื่อก่อนการเที่ยวคือจองตั๋วเครื่องบิน ลงเครื่องไปเช็คอินที่โรงแรม แล้วก็ไปถ่ายรูปตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ พอจบทริปก็กลับบ้าน แต่ตอนนี้มันมีดีเทลมากกว่านั้นแล้ว เลยอยากเอาประสบการณ์ หรือความพิเศษเหล่านั้นมาถ่ายทอดให้คนอื่นที่สนใจได้เห็นได้สัมผัสเหมือนกับผม”
“ความรู้สึกของการจัดงาน My Life is Journey ในปีแรกผมว่ามันโอเคมากๆ เลยนะ มันเป็นภาพเดียวกับตอนที่ผมจัดงาน Bangkok Motorbike Festival ครั้งแรกเลย เพราะมันเริ่มจากสิ่งที่เรารักแล้วทำมันขึ้นมา อย่างงาน My Life is Journey คอนเทนต์ของมันก็จะเป็นเรื่องการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ ในงานก็จะมีร้านอุปกรณ์ ข้าวของเครื่องใช้ ยานพาหนะ รวมถึงที่พักและแพ็กเกจท่องเที่ยวต่างๆ ในงานก็จะมีการเสวนาจากนักท่องเที่ยวที่มีประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการออกเดินทาง และช่วงปลายปีนี้ผมก็กำลังจะจัดงานที่สวนผึ้งด้วยนะ คือผมอยากถ่ายทอดถึงความเป็น Local ของจังหวัดราชบุรี โดยมีกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์พาไปเส้นทางใหม่ๆ ที่มีความแปลกใหม่ระหว่างทาง มีจุดพักระหว่างทางที่เราเซ็ตเรื่องความเป็น Local ของท้องถิ่นนั้นๆ เราจะได้ไปในเส้นทางธรรมชาติที่ลึกขึ้น มีเชฟมาทำอาหารให้กิน และต้องการดึงคาแรคเตอร์ของจังหวัดราชบุรีออกมาให้ทุกคนได้เห็นแบบครบอรรถรส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเสียงเพลง อาหาร เครื่องดื่ม และที่สำคัญคือได้เข้าไปสัมผัสธรรมชาติ ได้ลองใช้ชีวิตที่ช้าลง”
เมื่อ Passion เป็นไกด์ที่ชำนาญทางที่สุดให้กับชีวิต
“ครั้งหนึ่งผมเคยคิดว่าอยากจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ที่อเมริกานะ แต่พอเอาเข้าจริงมันเป็นไปไม่ได้ สำหรับผมคิดว่าวัฒนธรรมมันต่างกันเกินไป คนโดยเชื้อชาติมันต่างกันเกินไป และนิสัยส่วนตัวผมค่อนข้างมีระเบียบกับชีวิต ผมต้องการความพอดีให้ชีวิต ไม่ตึงไป ไม่หย่อนไป แต่หลังจากที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น ผมว่าประเทศนี้มันพอดีกับชีวิตผม มันทำให้ผมอยากนำไลฟ์สไตล์ของเราไปแชร์ให้คนอื่นๆ ที่นู่นได้เห็นบ้าง หรือไม่แน่หากจะต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ ผมก็คงเลือกไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศนี้ ซึ่งมันเลยเป็นที่มาของโปรเจกท์ต่อไปของผมที่ผมจะไปจัดงานที่ประเทศญี่ปุ่น โดยนำไลฟ์สไตล์ของเราไปอยู่ที่นั่น ไปแคมป์ปิ้งนั่งดูเขาฟูจิ มีรถบ้าน มีอุปกรณ์ทุกอย่าง เหมือนกับเราอยู่บ้าน อยากถ่ายทอดให้เห็นว่าเราสามารถใช้ชีวิตเหมือนกับคนท้องถิ่นของญี่ปุ่นได้จริงๆ”
ยุคขุดทองของนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่
“หลายคนบอกว่ายุคนี้เป็นยุค Digital Disruption มันก็จริง แต่ผมมองว่าเป็นยุคขุดทอง ที่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นได้ เด็กสมัยนี้ที่มีไอเดียก็สามารถสร้างเงินเป็นร้อยล้านได้ ซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อนไม่มีทางทำได้ ถ้าจะสร้างธุรกิจก็ต้องมีทุน มีบุคลากร มีโรงงาน และอะไรหลายๆ อย่างที่เป็นปัจจัย แต่ในยุคนี้ถ้าเราสามารถมองขุมทรัพย์ออก มีเครื่องมือที่ถูกต้อง มันก็สำเร็จได้เร็วมาก ในส่วนที่ผมทำอยู่ก็จะมีเรื่องของมีเดียเหมือนกันคือในยุคนี้ทุกคนเสพคอนเทนต์กันอยู่แล้ว มีเดียก็ต้องปรับตัว เราจะมาโวยวายว่าเฟซบุ๊กเขามาฆ่าเราไม่ได้ โวยวายไปก็เท่านั้น มันอยู่ที่ตัวเราเองว่าเราปรับตัวทันมั้ย ถ้าคอนเทนต์เราดีใครๆ ก็อยากดู มันเห็นชัดๆ เลยว่าถ้าเรามีคอนเทนต์ที่ดี คอนเทนต์ที่ใหม่ มีวิธีการคิดที่แปลกใหม่ก็ไปต่อได้”
“และในยุคสมัยที่เราอยู่แต่กับเทคโนโลยี อยู่กับมือถือดูแต่ชีวิตคนอื่น ผมอยากให้คนเรามีความทรงจำดีๆ ที่ได้อยู่กับครอบครัว ได้นั่งคุยกับเพื่อนบ้าง ลองนึกดูนะครับว่าครึ่งปีที่ผ่านมาเรามีความทรงจำเกี่ยวกับตัวเองและครอบครัวบ้างมั้ย แล้วผมรู้สึกว่าเวลามันเร็วขึ้น ชีวิตก็น้อยลง สาเหตุจากสิ่งเร้ารอบๆ ตัวมันมีผลกับชีวิตเยอะมาก และเชื่อว่าต่อไปเวลามันจะเร็วกว่านี้ ถ้าเราไม่เตือนตัวเอง เราก็จะตายไปกับความทรงจำที่ไม่มีอะไรเลย ผมอยากให้ทุกคนได้ออกเดินทางไปสร้างความทรงจำดีๆ ให้กับชีวิตที่เหลืออยู่ ถ้าวันนึงเราพร้อมจะจากโลกนี้ไปแล้ว เราลองมานึกดูว่าช่วงที่เรามีชีวิตอยู่ มีอะไรขาดหายไปบ้าง ถ้ามีสิ่งไหนที่อยากทำก็ให้ลงมือทำมันเลยซะตอนนี้ ไม่ต้องรอ”
