LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING
Solos Coffee เป็นคาเฟ่เปิดใหม่ในซอยเสรี 9 ที่ปลุกปั้นขึ้นโดย Roaster และ Barista ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการกาแฟมาหลายปีอย่าง Nicholas Haw ที่เคยพูดไว้ว่า “ผมอยากทำร้าน และทำกาแฟที่ดีที่สุดในโลก”

แม้ร้านจะเพิ่งเปิดได้ไม่นานและอยู่ในทำเลที่น้อยคนนักจะรู้ แต่ Nicholas เชื่อมั่นว่า “ถ้าร้านดีจริง คนจะตามหาคุณเอง” ซึ่งก็จริงอย่างนั้น เพราะเหล่าคอกาแฟตัวจริงได้เข้ามาจับจองที่นั่งเพื่อจะได้ลิ้มลองประสบการณ์ใหม่ในการดื่มกาแฟที่ไม่เหมือนที่ไหน จนรอบที่ทางร้านเปิดให้จองนั้นเต็มทุกรอบ “เหตุผลที่ต้องให้จองก็เพราะว่าผมจะได้มีเวลาอยู่กับการคั่ว เพื่อการควบคุมคุณภาพให้ดีที่สุดครับ“ โดยทางร้านจะเปิดให้จองวันละ 4 รอบ และรอบละ 6 ที่นั่งเท่านั้น มีให้เลือกแบบ 2 Drinks ราคา 900 และ 3 Drinks ราคา 1,200 บาท

เป็นเวลา 1 ชั่วโมงครึ่งแห่งคุณภาพ ที่คนรักกาแฟจะได้ละเมียดจิบกาแฟพร้อมกับพูดคุยกับบาริสต้า โดย 2 แก้วแรกจะเป็นกาแฟที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามต้องการ ส่วนแก้วสุดท้ายจะเป็นเมนูที่ Nicholas จะครีเอทให้ใหม่ตามความชอบส่วนตัวของแต่ละคน “จริงๆ แล้วคุณจะสั่งกาแฟอะไรก็ได้ จะลาเต้ หรือคาปูชิโน่ ผมทำได้หมด แต่ผมอยากให้ทุกคนมาลองอะไรที่แปลกออกไปมากกว่า นอกเหนือจากเครื่องดื่มที่คุณสามารถหาที่ไหนก็ได้ ดังนั้นแก้วสุดท้ายจะเป็นแก้วที่ผมเลือกให้จากสิ่งที่คุณชอบ ไม่ว่าคุณจะชอบกาแฟแบบสดชื่นออกผลไม้หน่อยๆ หรือกลมกล่อมแบบถั่วหรือโกโก้ หรือจะนอกเหนือจากสิ่งที่ชอบก็ได้ แต่ทุกแก้วจะออกมาจากความตั้งใจ และความประณีตของผม” คุณอาจจะได้พบกับกาแฟที่รสชาติไม่เหมือนที่ไหน โดยเบลนขึ้นจากเมล็ดกาแฟ 3 ชนิด ที่แต่ละชนิดคั่วต่างกันทำให้เกิดรสชาติซับซ้อนถึง 6 เลเยอร์อยู่ในนั้นก็ได้

เมนูของร้านมาบนแผ่นกระเบื้องกับชื่อเมนูที่ค่อนข้างเป็นนามธรรมหน่อย ได้แก่ Flower Garden เป็น Iced Black Coffee ที่มอบความหอมสดชื่นเหมือนเดินอยู่ในทุ่งดอกไม้ยามเช้า เพราะกาแฟออกรสชาติเปรี้ยวหวานแบบฟรุตตี้ของเมล็ดกาแฟ ที่ Nicholas บอกว่าเมนูนี้เป็นซิกเนเจอร์ของเขาเลย
Threesome กาแฟหนึ่งตัวที่ชงดริปแบ่งออกเป็น 3 แก้ว ที่ด้วยหลักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการแปรสภาพ ทำให้กาแฟทั้งสามแก้วมีรสชาติที่แตกต่างกัน ที่ Nicholas บอกว่าหลักการเดียวกับการทำอาหารระดับมิชลินสตาร์คือ มีจานเรียกน้ำย่อย จานหลัก และจานหวาน ทำให้เมนูนี้เป็นเมนูที่น่าสนใจและชวนให้คนสงสัย

Foreplay กาแฟที่ให้รสออกหวานหน่อยๆ ด้วยผ่านการคั่วและคารามาไลซ์ด้วยน้ำตาล ทำให้เมนูนี้มีความหวาน ละมุน และครีมมี่ ส่วนDirty Kitten คือการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างกาแฟและนมอุณหภูมิเย็นจัด ที่ทำให้เกิดรสชาติที่นุ่มนวล และได้กลิ่นหอมจากผิวส้มในส่วนท็อป ทำให้เมนูนี้เป็นตัวแทนของความน่ารักแบบลูกแมว Old Fashioned เป็นเมนูกาแฟโบราณรสเข้ม คล้ายกับการสั่งวิสกี้เพี้ยวๆ แก้วหนึ่งที่หน้าบาร์ จากนั้นก็ค่อยๆ ใช้เวลาค่อยๆ ละเมียดดื่มอย่างใจเย็น


สุดท้ายคือ Custom เป็นเมนูกาแฟที่ Nicholas ทำขึ้นตามความต้องการของลูกค้า หรือหากใครที่ชอบความเซอร์ไพรส์ ต้องลอง Omakase ที่เพียงบอกกับบาริสต้าว่าชอบหรือไม่ชอบกาแฟแบบไหน จากนั้นทางบาริสต้าจะครีเอทเมนูใหม่ให้ตามความชอบของคุณ


ที่ Solos Coffee มีโรงคั่วกาแฟของตัวเอง โดยทางร้านได้คัดเลือกเมล็ดพิเศษหายากทั้งสายพันธุ์ Geisha และอีกมากมายมาให้ลิ้มลองด้วย ดังนั้นใครที่ชื่นชอบรสชาติกาแฟของที่นี่ สามารถซื้อเมล็ดกาแฟคั่วเกรดพรีเมี่ยมกลับไปดริปเองที่บ้านได้ หรือจะดีไซน์รสชาติตามความชอบส่วนตัวก็สามารถพูดคุยกับทางร้านได้ ยังเมล็ดกาแฟคั่วเกรดพรีเมี่ยมจำหน่ายด้วย

แม้ส่วนของบาร์กาแฟที่เสิร์ฟสไตล์ Chef’s Table จะเปิดให้จองที่นั่งบางวัน แต่ร้านนี้เปิดให้ลูกค้าเข้ามาซื้อกาแฟกลับบ้านได้ทุกวันเวลา 8.00 - 17.00 น. ผ่านช่อง Take Away Window เล็กๆ หน้าร้าน ที่มีเมนูกาแฟเบสิคอย่าง Cold black, Cold black on Ice และกาแฟลาเต้ที่มีให้เลือกทั้งแบบ Standard , Signature (รสชาติอ่อนนุมกว่า Standard) และ Sweet Thing โดยราคาสำหรับขวดกาแฟ Take Away อยู่ที่ 120-150 บาท โดยสามารถกดกริ่งและสั่งผ่านอินเตอร์คอมหน้าร้านได้เลย จากนั้นทางร้านจะส่งกาแฟให้ผ่านช่องหน้าต่าง
ที่นี่เป็นโรงคั่วกาแฟเอง ดังนั้นสายกาแฟที่ชอบดริปกาแฟเองบ้านก็สามารถซื้อเมล็ดกาแฟคั่วจากที่นี่ได้ หรือถ้าอยากดีไซน์รสชาติกาแฟใหม่ตามความชอบส่วนตัว ก็สามารถพูดคุยกับทางร้านได้ อีกทั้งที่นี่ยังเป็น Coffee Consultancy และ Coffee School ที่มีเวิร์คช็อปสำหรับคนที่ต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับกาแฟอีกด้วย

ในขณะที่ร้านกาแฟส่วนใหญ่อาจให้ความสำคัญกับเรื่องดีไซน์หรือการตกแต่งเพื่อสร้างมุมสวยสำหรับถ่ายรูปได้ด้วย แต่สำหรับ Solos Coffee มุ่งเน้นความเป็นสถานที่สงบสำหรับคนรักกาแฟได้ใช้ช่วงเวลาเต็มอิ่มกับกาแฟตรงหน้า “ผมอยากให้คนที่มาได้เปิดประสบการณ์ใหม่ มาลองกาแฟที่พวกเขาอาจไม่เคยได้ดื่มที่ไหน และสนใจในกาแฟมากกว่าบรรยากาศของร้าน

ทำให้ที่นี่ไม่มีคนมาเดินถือกล้องถ่ายรูปรอบร้าน แต่ส่วนใหญ่คนที่มาจะโฟกัสอยู่กับกาแฟ ถามข้อมูลและเปลี่ยนความรู้กัน ซึ่งการนำเสนอกาแฟ Omakase หรือ Chef’s Table สามารถตอบโจทย์ของความเป็นร้านนี้ได้ดี” งานดีไซน์ร้านเกือบทั้งหมดจึงทำขึ้นจากฝีมืองานช่างของ Nicholas และของตกแต่งชิ้นเก่า ที่เขาบอกว่าร้านนี้เป็นร้านที่เขาใช้งบน้อยที่สุดตั้งแต่ทำร้านมา แต่ได้บรรยากาศร้านที่มีทั้งความเท่ ความเงียบสงบ อบอุ่น และความรู้สึกปลอดภัยเหมือนอยู่บ้าน โดยชั้นบนและชั้นล่างบรรยากาศแตกต่างกัน เหมือนหยินกับหยาง หรือชายหนุ่มกับหญิงสาว คือ ชั้นล่างมาในโทนเข้มดิบเท่กับแสงน้อยๆ และโดดเด่นด้วยงานทองเหลืองที่ Nicholas หลงใหล ส่วนชั้นในโทนสว่างนุ่มนวลด้วยผนังขาว งานไม้ กับหน้าต่างและ Skylight ที่เปิดรับแสงธรรมชาติเต็มที่ เขาบอกว่า “ร้านนี้เหมือนของขวัญสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมรัก โดยชั้นสองเหมือนเป็นที่ของเธอ”

นอกจากนี้ของตกแต่งทุกอย่างในร้านยังซ่อนเรื่องราวโรแมนติกในชีวิตของ Nicholas ด้วย “อย่างตุ๊กตาแมวอ้วนตรงมุมนั้น มันเป็นตุ๊กตาที่คุณปู่ของผมให้ไว้ตอนผมอายุ 6 ขวบ ท่านเป็นเชลยตอนสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง และท่านได้เรียนรู้จากทำกาแฟตอนที่ท่านอยู่อิตาลี ดังนั้นที่บ้านของคุณปู่ผมจะมีอุปกรณ์การทำกาแฟเยอะมาก เครื่องชง เครื่องบด แล้วก็ท่านชอบเครื่องทองเหลืองมากๆ เหมือนไฟแช็กทองเหลืองอันนี้ ที่ท่านให้ผมมาตั้งแต่ผมอายุ 21 ตอนนี้ 32 แล้ว ผมก็ยังพกไว้อยู่กับตัวตลอด และผมเลยตั้งใจสร้างเครื่องชงกาแฟทำจากทองเหลืองจริงๆ โดยให้บริษัทผลิตเครื่องทำกาแฟที่ดีที่สุดในโลกจากซีแอตเทิลผลิตให้ ซึ่งเขาก็ไม่เคยทำเครื่องกาแฟจากทองเหลืองมาก่อน พอผลิตเสร็จ ผมอยากได้อีกเครื่องแต่เขาบอกว่าเขาไม่ทำแล้วนะ เพราะทำยากมาก มันเลยมีเครื่องเดียวในโลก”

“สำหรับที่นี่ผมอยากทำให้มันมีบกพร่องน้อยที่สุด ให้แตกต่างจากธุรกิจก่อนหน้านี้ที่ผมทำมา และผมไม่ได้ต้องการแข่งขันกับใครทั้งเรื่องกาแฟและยอดขาย การที่ให้จองก่อน ไม่ใช่เพราะผมมองว่ากาแฟของผมมันแปลกพิศดารต่างคนอื่นนะ แต่เป็นรูปแบบที่ไม่เคยมีใครทำ และอยากให้คนได้มาเปิดประสบการณ์ใหม่ ที่นี่ไม่ใช่ร้านกาแฟแนว Specialty Coffee แต่เป็นกาแฟที่มีความ Special สำหรับคนๆ นั้น สร้างสรรค์เกิดจากความพิถีพิถัน เอาใจใส่ และควบคุมคุณภาพให้ดีที่สุดในทุกๆ แก้ว แบบที่ Nicholas “A good cup of coffee is one made specially for the one”

Solos Cafe ครั้งแรกกับการเสิร์ฟกาแฟสไตล์ Chef’s Table Style
/
หากคุณเป็นคนยุค 90’s คุณน่าจะรู้จัก หนึ่ง–เกรียงไกร วงษ์วานิช ในฐานะนักแต่งเพลงและมือกีตาร์ของ Friday วงดนตรีที่มีเพลงฮิตมากมาย และถ้าคุณเป็นคนนักฟังเพลงยุค 2000’s คุณก็น่าจะจำได้ว่า เกรียงไกร มีอัลบั้มเดี่ยวภายใต้ชื่อ Sleeper One ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นงานเพลงร็อคไซคีเดลิกที่ยอดเยี่ยมอีกชุดหนึ่ง เช่นเดียวกับที่เขาทำค่ายเพลงอิสระในนาม “No More Belt” และเป็นโปรดิวเซอร์ไปด้วย ปัจจุบัน หนึ่ง-เกรียงไกร หรือ หนึ่ง Sleeper One ยังคงทำเพลงอย่างต่อเนื่องและย้ายฐานที่มั่นไปอยู่ที่อำเภอหางดง เชียงใหม่ เป็นเวลาหนึ่งทศวรรษแล้ว ล่าสุดเขาและเพื่อนร่วมกันทำ “Asleeper Cafe and Campground Hangdong Cnx.” ร้านกาแฟ ที่เป็นแคมป์กราวนด์ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบบรรยากาศแคมปิ้ง กาแฟหอมกรุ่น อากาศสดยื่นและเสียงเพลงโฟลค์ที่เพิ่งเปิดตัวในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ซึ่งเขาบอกกับเราว่าทั้งหมดนั้นคือส่วนผสมกลมกล่อมของชีวิตของเขาในตอนนี้
/
คุณเก๋ ปณวรรธน์ ประภาศิริ หุ้นส่วนและผู้ออกแบบ Patina Bangkok ร้านกาแฟแห่งใหม่ย่านตลาดน้อย ผู้หลงใหลและเคารพในสถาปัตยกรรมเก่า ปรับตัวและเรียนรู้ศาสตร์ของ Photogenic กับการตกแต่งร้านให้ถ่ายรูปสวยได้ทุกมุม พร้อมซึมซับกับเสน่ห์ของบ้านจีนโบราณ ที่ยังคงร่องรอยหลุดร่อน คราบ หรือ “Patina” ที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวตามกาลเวลาไว้ภายใต้แนวคิดการออกแบบ
/
IAMEVERYTHING พูดคุยกับ โต ศุภรัตน์ ถึงโจทย์สำคัญของการออกแบบคาเฟ่น้องใหม่มาแรงอายุยังไม่ครบเดือนดีที่เขาบอกว่าโจทย์นั้นคือ “กาลเวลา”
/
สิ่งแรกที่ประทับใจในร้านกาแฟแห่งนี้ คือเสียงเพลงแจ๊สจากแผ่นเสียงที่เปิดคลอเป็นแบล็คกาวน์ ส่วนความประทับใจต่อมาคือ ความเรียบง่าย สะอาดตา ของของทุกอย่างภายในร้านที่ถูดจัดแจงอย่างเป็นระบบระเบียบ ซึ่งทำให้เราใจเย็นขึ้น สงบขึ้นเหมือนได้ตัดตัวเองจากความวุ่นวายภายนอก ลำดับต่อไปคือ ความหอมของกาแฟที่ยิ่งทำให้เราผ่อนคลาย เป็นวินาทีที่เรียบง่ายและได้คุณภาพจาก ร้านกาแฟ Blackhills ที่เราอยากแนะนำให้คุณรู้จัก
/
แม้คอกาแฟรู้จักชื่อ “หมู-Bottomless” หรือ นพพล อมรพิชญ์ปรัชญา เป็นอย่างดีในฐานะบาริสต้าผู้มีฝีมือการทำลาเต้อาร์ตหาตัวจับยากของไทย (เจ้าของรางวัล First Runner up Thailand National Siphonist Championship 2018) และยังเป็น Roaster ชั้นนำของประเทศ แต่ถ้าไปถามเขาว่า ร้านกาแฟ Bottomless ซึ่งอยู่ที่ซอยไทรทอง ย่านสนามบินน้ำ เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมาทำให้เขาเป็นมืออาชีพหรือยัง หมู Bottomless จะส่ายหัวแล้วตอบว่ายัง นั่นทำเพื่อสนองความต้องการของตัวเองเฉยๆ
/
Arch เป็นคาเฟ่แห่งใหม่ติดรถไฟฟ้าสถานีปุณณวิถี ตั้งอยู่พื้นที่ชั้นหนึ่งของโรงแรม E11 ที่รีโนเวทจากอาคารเก่าโดยนำเอกลักษณ์ของซุ้มหน้าต่างคู่ทรงโค้งที่เป็นฟาซาดของอาคารเดิมมาสร้างเสน่ห์ใหม่ให้กับที่นี่ ตั้งแต่กำแพงโค้งหน้าร้าน จนถึงเส้นสายโค้งภายในที่เชื่อมโยงต่อเนื่องแต่ละสเปซเกิดเป็น Series of arch way ที่โดดเด่นของ Arch
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )