Seoul, Candy City | IAMEVERYTHING.CO

LOOKING ON EVERYTHING ?

EXPLORE ON EVERYTHING

Seoul, Candy City
ใบไม้เปลี่ยนสี และวันที่โซลกลายเป็นเมืองสีลูกกวาด
ฤดูหนาว ใบไม้ผลิ ฤดูร้อน หรือฤดูใบไม้ร่วง... ฤดูไหนเป็นฤดูที่คุณชอบที่สุดกัน?

 คำตอบที่ได้ หลายคนอาจชอบฤดูที่แตกต่างหลากหลายด้วยเหตุผลต่างกัน แต่สำหรับเรา เราหลงรักเสน่ห์ของช่วงใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงมากที่สุด ก่อนหน้านี้เราเคยวาดภาพฤดูใบไม้ร่วงไว้อย่างนึงในหัว เปรียบเหมือนกับถ้าจะหยิบพู่กันขึ้นมาระบายสีภาพที่ชื่อว่า ‘ฤดูใบไม้ร่วง’ สีที่เราเลือกหยิบมาใช้ คงจะไม่พ้นสีโทนน้ำตาล แดง และเหลืองแน่นอน เพราะที่ผ่านมาเราเคยไปเที่ยวชมใบไม้ร่วงตามที่ต่างๆ เป็นระยะเวลาสั้นๆ ช่วงค่อนไปทางปลายฤดูใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว

 การมาโซลในฤดูใบไม้ร่วงครั้งล่าสุดนี้ เราใช้เวลาให้ไหลอย่างเนิบนาบไปทั้งหมดเกือบๆ 3 เดือน เป็นความตั้งใจในการที่จะก้าวข้ามฤดูใบไม้ร่วงตั้งแต่เริ่มต้นแบบใส่เสื้อยืดตัวเดียว ไปจนจบที่หิมะแรกตกลงมาถึงพื้นโซล และมันก็เป็นประสบการณ์ที่ทำให้ Scheme สี Pantone ของฤดูใบไม้ร่วงในหัวของเรากลับตาลปัตร จนเรียกได้ว่าต้องเทจานสีในมโนภาพเดิมทิ้งทั้งหมด และเลือกหยิบสีที่ไม่เคยคิดจะหยิบใช้มาก่อนเพื่อที่จะระบายภาพ ‘ฤดูใบไม้ร่วง’ ออกมาใหม่อีกครั้ง ไม่ใช่เพียงแค่ความสวยงาม แต่มันคือเสน่ห์บนความเซอร์ไพรส์ที่น็อคเราได้อย่างอยู่หมัด

 ช่วงที่ใบไม้กำลัง ‘เริ่ม’ ทยอยกันเปลี่ยนสี ‘ก่อน’ ที่มันจะค่อยๆแห้งตัวเป็นสีน้ำตาลและร่วงหล่นลงพื้นในที่สุด ช่วงนั้นแหละภาพของกรุงโซลจึงได้ถูกระบายและแต่งแต้มให้กลายเป็น ‘โซลสีลูกกวาด’ ทั้งสีเขียวตองอ่อน เหลือง ม่วง ชมพู ส้ม แดง รวมกับเฉดสีของใบไม้หลายสายพันธุ์แข่งกันอวดสีสดๆ ของตัวเอง ยิ่งถ้าเป็นวันที่ท้องฟ้าเป็นใจสดใสไร้เมฆอึมครึม เราก็จะได้โทนสีฟ้าสวยๆ เข้ามาตัดเพิ่มในเฟรมภาพอีกด้วย จากความหลากหลายสายพันธุ์ของต้นไม้ รวมกับภูมิประเทศอันเป็นเอกลักษณ์ของภูเขาสูงต่ำลดหลั่นกันอยู่แล้วแม้ในตัวกรุงโซลเองนี้ กลับเป็นข้อดีอย่างยิ่งที่ทำให้เราสามารถชื่นชมความงามของทัศนียภาพสวยๆได้อย่างง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องออกนอกเมืองไปไกลๆ ให้ลำบากเลย
 เอาล่ะ ถ้าตอนนี้คุณมายืนอยู่ ณ กรุงโซลแล้ว และจะเดินออกไปทางซ้ายหรือขวาหรือจุดไหนกันแน่ล่ะ ถึงจะเป็นจุดที่น่าออกไปชมความสวยงามของช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่สุด อันดับแรกสิ่งควรจำไว้ให้ขึ้นใจเลยคือให้ไปทิศทางที่มีภูเขาค่ะ มั่นใจเลยว่าจะได้ทัศนียภาพที่จะทำให้คุณเซอร์ไพรส์แน่นอน

 ถ้ายังลังเลไม่รู้จะไปภูเขาลูกไหนดีอีกล่ะ วันนี้เราจึงมาชี้เป้าจุดเด็ดเป็นไอเดียให้เตรียมพร้อมจดลงลิสต์ เพื่อวางแพลนชมใบไม้เปลี่ยนสีแบบสวยสะพรึง บางจุดนั้นเรียกได้ว่า มุมแจ่มๆแบบนี้มันจะมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกัน?!

ค่ะ.. เมื่อพร้อมแล้วเราก็ไปเตรียมมาร์คจุดถ่ายรูปกันได้เลย
1. Seoul Forest (서울숲=โซลซุพ)

สวนสาธารณะที่เรียกว่าป่าแห่งเดียวในโซล คือ Seoul Forest หรือ โซลซุพ เป็นสวนสาธารณะที่กว้างใหญ่ ต้นไม้เยอะ แค่เดินชิลชมสวน หรือเช่าจักรยานปั่นไปรอบๆ ก็แฮปปี้แล้ว มีต้นเมเปิ้ลแดงๆ และต้นแป๊ะก๊วยเหลืองๆ สวยๆ ให้แวะถ่ายรูปเป็นระยะ แต่จุดที่อยากให้มาร์คเป็นพิเศษ กลับเป็นสวนหย่อมเล็กๆถัดจากบริเวณลานจอดรถ ก่อนจะเดินเข้าไปในตัวสวนโซลซุพ เจ้าสวนหย่อมเล็กๆ นี้จัดเอาไว้ได้น่ารักกุ๊กกิ๊ก มีต้นไม้-ดอกหญ้าหลายชนิด และเป็นมุมที่ถ่ายรูปออกมาได้สวยเหลือเชื่อ มีอีกจุดหนึ่งที่สวยถูกใจเรา คือบริเวณแนวต้นสนที่ปลูกเรียงกันอยู่อย่างเป็นระเบียบด้านในสวน ถ้าจะเข้าไปถ่ายรูป แนะนำว่าให้รอจังหวะคนว่างดีๆ ก่อน หรือเลือกไปวันธรรมดาที่คนไม่เยอะกวนใจนัก

การเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย Bundang Line (สีเหลือง) สถานี Seoul Forest ทางออก 3

เวลาทำการ : ทุกวัน 7:00-20:00
2. Seoul National University (서울대학교=โซลแดฮักคโย)

มหาลัยโซลอันเลื่องลือขึ้นชื่อเรื่องสอบเข้ายากที่สุดในประเทศเกาหลี นักเรียนที่สอบเข้าที่นี่ได้ล้วนแต่คัดแล้วว่าเป็นหัวกะทิเน้นๆ แต่ถ้าเราจะแค่เข้ามาชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีเท่านั้นก็หมดห่วง เดินเข้าประตูไปได้อย่างง่ายดายเลยค่ะ จุดแนะนำก็คือ หลังจากเดินเข้าประตูใหญ่ที่เป็นซุ้มคล้ายๆรูปหลังคาบ้านเข้าไปแล้ว ให้เลี้ยวซ้าย ตรงนั้นจะมีสนามหญ้ากว้างกับต้นไม้สีลูกกวาดให้ถ่ายรูปเล่นได้เพลินๆ (แอบกระซิบไว้ก่อนว่า จุดนี้ถ้ามาในฤดูใบไม้ผลิ จะพบกับต้นซากุระใหญ่บึ้มแบบสูงท่วมหัว เป็นอีกที่ที่แนะนำให้มาในช่วงซากุระบานเลยล่ะ) แล้วเดินต่อขึ้นเนินอ้อมสนามฟุตบอลไปอีกหน่อย คราวนี้เราจะหันมาประชันหน้ากับ Kwanak-san หรือภูเขาควานัก พร้อมวิวใบไม้เปลี่ยนสีหลากหลายเฉดที่เหมือนใครเอาพู่กันมาแต้มไว้อย่างไรอย่างนั้นเลย แล้วจะเดินทอดน่องวนรอบทางเดินบนสนามฟุตบอลต่อเพื่อซึมซับบรรยากาศ หรือเดินลึกเข้าไปเที่ยวชมมหาลัยโซลอันเลื่องชื่อดูอีกสักหน่อยก็ได้เหมือนกันค่ะ

การเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย 2 (สีเขียว) สถานี Seoul National University ทางออก 3 แล้วต่อรถบัสสาย 5511, 5513 ไปลงหน้าประตูใหญ่มหาวิทยาลัย ป้าย Seoul National University

เวลาทำการ : ทุกวัน (ประตูมหาวิทยาลัยเปิดตลอด 24 ชม.)
3. Children’s Grand Park (어린이대공원=ออรีนี แดคงวอน)

สวนสาธารณะเด็ก ที่ไม่ใช่สำหรับเด็กเสมอไป เพราะผู้ใหญ่อย่างเราก็เข้าไปเดินเล่นชมวิวได้เช่นกัน แล้วต้องขอบอกว่ามุมถ่ายรูปที่ได้นั้น ไม่เด็กเล่นเหมือนอย่างชื่อสวนเลยซักนิดเดียว ทักษะที่เราจะต้องใช้ในสวนนี้เป็นพิเศษคือความช่างสงสัยที่จะเดินซอกแซกไปมา ตามทางซอกซอยที่ไม่ใช่ทางเดินหลัก อาจต้องอาศัยวิชานินจานิดหน่อย ผลุบเข้าทางนั้นทีทางนู้นที เพื่อจะได้ไปเจอจุดเซอร์ไพรส์ดีๆ ไว้ถ่ายรูปงามๆ นั่นเอง จุดหนึ่งที่เราผลุบโผล่ไปเจอมา เป็นเนินดินเตี้ยๆ ที่มีต้นแปะก๊วยปลูกเรียงราย (จุดที่ไม่มีใครคิดจะถ่ายรูปนี้) กลับเป็นจุดถ่ายรูปที่เราชอบมากที่สุดในทริปนี้เลยทีเดียว มุมกล้องที่ถ่ายย้อนขึ้นไปบนเนินกับพรมใบแปะก๊วยเหลืองๆ บนพื้น และจังหวะแฟลร์ของดวงอาทิตย์ส่องลงมาพอดี ช่วยให้การเบิร์นของภาพให้ฟุ้งขาวไปโดยอัตโนมัติ องค์ประกอบภาพที่ได้มาดูยิ่งใหญ่ลงตัวที่สุด ซึ่งช่วงเวลาที่จะได้ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำเป็นองศาสวยๆ คือช่วงเวลาประมาณบ่าย 2-3 โมงเท่านั้น เพราะช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่นี่พระอาทิตย์จะตกดินเร็วขึ้น ทำให้ตกช่วงบ่ายสภาพแสงก็จะเหมือนช่วงเย็นแล้วนั่นเองค่ะ

อ้อ..อีกอย่างหนึ่ง จริงๆ แล้วที่สวนนี้มีทั้งสวนสัตว์ และสวนสนุกเล็กๆ อยู่ภายใน ที่เราขอแนะนำให้ข้ามไปได้เลย ถ้าคุณต้องการความสงบควรแพลนที่จะไปสวนนี้ในวันธรรมดา แต่ถ้ามาวันเสาร์-อาทิตย์ก็จะพบกับครอบครัวคนเกาหลี จูงลูกๆมาเที่ยวเล่นในสวน ปูเสื่อปิกนิคทานข้าวปั้นกัน ก็น่ารักไปอีกแบบหนึ่ง

การเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย 7 (สีเขียวขี้ม้า) สถานี Children’s Grand Park ทางออก 1

เวลาทำการ : ทุกวัน 5:00-22:00
4. Olympic Park (올림픽공원=โอลิมปิคคงวอน)

โอลิมปิคพาร์คถูกสร้างขึ้นย้อนกลับไปตั้งแต่ปีค.ศ. 1988 เมื่อครั้งที่เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิคเกม สวนสาธารณะที่มีขนาด 1.4 ล้านตารางเมตรนี้ถูกสร้างขึ้นโดยมีทั้งสระว่ายน้ำ คอร์ทเทนนิส ยิมนาสติกอารีน่า และยิมเนเซียมต่างๆ รวมถึง Velodrome หรือโดมที่เป็นลู่ปั่นจักรยานในร่ม หรือแม้กระทั่งอาร์ตมิวเซียมอยู่ภายใน แต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์หลักของเราในวันนี้ เพราะในอาณาบริเวณ 1.4 ล้านตารางเมตร ของโอลิมปิคพาร์ค ยังรวมไปถึงพื้นที่ landscape ไล่ระดับสูงต่ำสวยๆ ของสวนบริเวณเอ้าท์ดอร์อันร่มรื่น มีต้นไม้นานาชนิด ทะเลสาบ และคูน้ำโดยรอบ ทำให้การได้มาชมทัศนียภาพของช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่นั้นสวยงามต่างออกไป ช่วงเวลาที่เราชอบมากที่สุดของที่นี่คือช่วงเวลาเย็นก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเมจิคโมเม้นต์ของแสงพระอาทิตย์ยามเย็น เหมือนการใส่ฟิลเตอร์ย้อมสีทัศนียภาพเบื้องล่างให้กลายออกเป็นโทนสีส้มตุ่นๆ ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก การมาเดินทอดน่องปล่อยอารมณ์ไปเรื่อยๆ แวะถ่ายรูปชมวิว สลับกับการเดินชม Art Installation ที่กระจายตัวอยู่ในสวนนี้ถือได้ว่าเป็นช่วง Quality Time ของเราอย่างหนึ่งเลยล่ะ

การเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย 8 (สีชมพู) สถานี Mongchontoseong ทางออก 1 (Main Gate) หรือรถไฟใต้ดินสาย 5 (สีม่วง) สถานี Olympic Park ทางออก 3

เวลาทำการ : ทุกวัน 5:00-22:00
5. Seoul Grand Park (서울대공원=โซลแดคงวอน)

โซลแดคงวอนเป็นสวนสาธารณะที่ขนาดใหญ่มาก มีทั้งสวนสนุกโซลแลนด์ สวนสัตว์โซล และ MMCA Art Museum (ซึ่งเราเก็บไว้เขียนถึงเฉพาะเจาะจงในตอนถัดๆไป) สาขาใหญ่ที่สุดอยู่ภายใน แต่สำหรับช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสีนั้น สถานที่แนะนำคือให้เลี้ยวไปทางขวา ซื้อตั๋ว และใช้กระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปทางยอดเขา เพราะคุณจะสามารถเห็นวิวภูเขาและวิวใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆได้จากมุมสูง วิวที่จะได้ชมนั้นจะผ่านทั้งทะเลสาบไล่ขึ้นไปจนถึงยอดเขาที่วางตัวลดหลั่นสลับไปมา โดยมีสีใบไม้แต่ละชนิดไล่เฉดโชว์ตัวอยู่ประหนึ่งใครเอาบอลหลากสีมาปาใส่ภูเขาให้สีกระจายเป็นหย่อมๆ จนเป็นภาพสวยงามน่าประทับใจมาก เมื่อตีกระเช้าขึ้นไปแล้ว จะมีจุดจอดให้ขึ้นลง 2 จุด คือจุดครึ่งทาง และจุดปลายทาง ให้ต่อขึ้นไปจนสุดทางเลยนะคะ เพื่อที่จะได้พบกับสวนสัตว์โซล หรือ Seoul Zoo จุดแนะนำการชมใบไม้เปลี่ยนสีที่จะแนะนำเป็นจุดต่อไปค่ะ..

การเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย 4 (สีฟ้า) สถานี Seoul Grand Park ทางออก 2

เวลาทำการ : ทุกวัน เมษายน-ตุลาคม 9:00-21:00, พฤศจิกายน-มีนาคม 9:00-18:00
6. Seoul Zoo (서울동물원=โซลดงมุลวอน)

ใช่ค่ะ คุณได้ยินไม่ผิดหรอกเราแนะนำให้เดินเข้าสวนสัตว์ไปเลย หลายคนอาจเถียงอยู่ในใจ ‘นี่ชั้นจะมาชมใบไม้เปลี่ยนสีนะ ไม่ใช่มาชมสวนสัตว์’ ใจเย็นๆก่อนค่ะ เพราะเรากำลังจะบอกว่าในสวนสัตว์นี้แหละ มีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอยู่หลายจุดที่คาดไม่ถึง แถมถ่ายรูปออกมาได้สวยมากด้วยอีกต่างหาก โดยถ้าขึ้นกระเช้ามาจนสุดทางแล้ว เราจะมาเดินเข้าสวนสัตว์ที่ประตูด้านบนสุด แล้วค่อยๆ เดินชมนกชมไม้ ชมเสือ สิงโต หมี ไล่ไปก่อนถึงจะได้พบกับถนนต้นแปะก๊วยโชว์ตัวเหลืองอร่ามเป็นทิวยาวเหยียด ยิ่งถ้าได้มาช่วงเวลาที่ใบเริ่มร่วงแล้วด้วย จะได้พรมใบแปะก๊วยเหลืองๆบนพื้นแถมด้วยอีกอย่างหนึ่ง แต่ธรรมชาติเวลาลูกแปะก๊วยร่วงลงพื้นแล้ว กลิ่นของมันอาจจะทำร้ายเซลล์จมูกของเราพอสมควร ดังนั้นเวลาก้าวเข้าไปให้ระวังนิดนึง อย่าไปเหยียบโดนเข้า ตอนถ่ายรูปก็ต้องแอบกลั้นหายใจไว้หน่อยแล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนค่ะ เสร็จแล้วก็เดินต่อไป Tips คือพยายามเดินเกาะทางริมๆ รอบนอกที่ไม่ใช่บริเวณกรงสัตว์ส่วนตรงกลางไว้ จึงจะได้พบทางเดินให้แวะถ่ายรูปสวยๆได้อีกเพียบ จากนั้นเราก็จะวนลงมาออกจากสวนสัตว์ที่ประตูด้านล่าง (ตรงจุดลงกระเช้าครึ่งทางนั่นเอง) คราวนี้แทนที่จะขึ้นกระเช้ากลับลงมาเหมือนเดิม เราใช้วิธีเดินกลับออกมาจาก Seoul Grand Park แทน เพราะขาขึ้นเราได้วิวมุมสูงไปแล้วจากตอนที่ขึ้นกระเช้าไป คราวนี้ก็จะได้เดินเป็นการเก็บวิวมุมระดับสายตาให้อารมณ์ และเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไปด้วย

การเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย 4 (สีฟ้า) สถานี Seoul Grand Park ทางออก 2

เวลาทำการ : ทุกวัน เมษายน-ตุลาคม 9:00-19:00, พฤศจิกายน-มีนาคม 9:00-18:00
7. Namsan (남산=นัมซัน)

เขานัมซัน อาจเป็นชื่อที่คุ้นหูและอยู่ใน check list เป็นอันดับต้นๆสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังกรุงโซลอยู่แล้ว เพราะเขาแห่งนี้เป็นที่ตั้งของหอคอย N Seoul Tower จุดชมวิวโซลในมุมสูงที่อยู่ใจกลางเมือง แต่สิ่งที่เราชื่นชอบที่เขานัมซันนี้กลับไม่ใช่การขึ้นไปบนยอดหอคอยเพื่อชมวิวเมือง แต่กลับเป็นอากาศบริสุทธิ์และธรรมชาติต้นไม้ใบหญ้ารอบนอก โดยเฉพาะ Namsan walking trail ทางเดินคดเคี้ยวไล่ไปตามไหล่เขาที่สามารถเดินชมความสวยงามของ 2 ข้างทางไปได้อย่างเพลินๆ ช่วงพีคคือช่วงใบไม้เปลี่ยนสีและช่วงซากุระบาน และอีกหนึ่งจุดชมวิวที่เป็นมุมลับที่แทบจะไม่มีคนเลย ที่เราได้ไปบังเอิญเจอ เหตุเพราะความซน ชอบเดินเข้าซอกนั้นออกซอกนี้ของตัวเอง ลายแทงก็คือ ให้เลือกขึ้นเขานัมซันโดยกระเช้าเคเบิลลอยฟ้า เมื่อกระเช้าเคลื่อนตัวขึ้นมาถึงยอดเขาและเราเดินลงจากตัวกระเช้าแล้ว แทนที่จะเดินตรงไปตามทางที่เค้าเดินออกกันเป็นปรกติ ให้เดินเบี่ยงซ้ายออกมา จะพบกับประตูทางออกเล็กๆ ที่นำไปสู่ระเบียงทางเดินเอ้าท์ดอร์ด้านนอก ให้ออกประตูนั้นไป คราวนี้แหละเมื่อลองมองหันหลังกลับมาด้านที่เป็นเส้นทางรอกกระเช้าที่เราเพิ่งผ่านขึ้นมา ก็จะได้พบกับภาพวิวเมืองโซล ตึกรามบ้านช่องจากมุมสูง ตั้งอยู่บนแบคกราวน์ที่เป็นวิวเทือกเขาสลับซับซ้อนทอดไปจนสุดลูกหูลูกตา แล้วยังตัดด้วยดงพุ่มต้นเมเปิ้ลสีส้มแดงสดๆ ที่วางตัวเสมือนเป็นโฟร์กราวน์ด้านหน้าให้อย่างเหมาะเจาะ เป็นภาพที่เราถึงกับต้องอ้าปากค้างและรีบล้วงกระเป๋าหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายอย่างทันทีเลย

การเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย 4 (สีฟ้า) สถานี Myeong-dong ทางออก 3 ไปขึ้นกระเช้า cable ทางถนนข้างโรงแรม Pacific Hotel เดินไปตามทางประมาณ 10-15นาที

เวลาทำการ : ทุกวัน 10:00-23:00 เสาร์ 10:00-24:00
8. Lotte World Tower from Gangbyeon Station (강변역=กังบยอนย็อค)

อันนี้ไม่เกี่ยวกับใบไม้เปลี่ยนสี แต่เป็นจุดลับที่แอบซ่อนอยู่อีกจุดหนึ่งที่เราเห็นว่าสมควรแก่การมาลองชม วิวตึกล็อตเต้เวิลด์ทาวเวอร์ ตึกที่สูงที่สุดในเกาหลีขณะนี้ ตั้งอยู่ท่ามกลางตึกอื่นๆ โดยมีแม่น้ำฮันทอดตัวยาวอยู่ด้านหน้า การเดินทางก็ไม่ยากเย็นถัดออกมาจากสถานีจัมซิลแค่ 2 สถานีเท่านั้น จากสถานีกังบยอนจะมีตึกเทคโนมาร์ท และมีศูนย์การค้าชื่อ Enter 6 ตั้งอยู่ด้านล่าง ด้านบนเป็นที่ตั้งของโรงหนัง CGV และบนชั้น 9 ของตึกนี้เป็นที่ตั้งของ Sky Garden สวนหย่อมลอยฟ้าขนาดเล็กเอาไว้ออกไปเดินสูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอก แต่วิวที่เราจะได้ชมนั้นถือว่าเด็ดดวง จุดลับที่แม้กระทั่งคนเกาหลีเองก็ยังทราบกันไม่เยอะนัก ยิ่งถ้าได้ไปชมในช่วงกลางคืนของวันท้องฟ้าเปิด เมฆไม่หนาเกินไปจะยิ่งสวยงาม ถ้าใครพอมีเวลาเหลือลองแวะไปชมวิวและเก็บภาพกันดู

การเดินทาง : รถไฟใต้ดินสาย 2 (สีเขียว) สถานี Gangbyeon ทางออก 2 ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 9 และออกไปที่ Sky Garden

เวลาทำการ : ทุกวัน 10:00-22:00
สุดท้าย.. ขอลาไปด้วยอีกหนึ่งเสน่ห์เล็กๆ ที่จะมาช่วยแต่งแต้มระบายสีให้มโนภาพฤดูใบไม้ร่วงของเรามีความสุนทรีย์ และงดงามยิ่งขึ้น ด้วยดอก ‘Cosmos’ หรือที่เรียกกันว่า ‘ดอกไม้แห่งฤดูใบไม้ร่วง’ เพราะในขณะที่สภาพอากาศกำลังเปลี่ยนถ่ายสู่ฤดูหนาว อุณหภูมิเริ่มเย็นลงทุกวัน จนตอนนี้ไม่มีดอกไม้ใดหลงเหลืออยู่บนต้นไม้อีกต่อไปแล้ว แถมใบไม้เองก็กำลังแห้งลงทุกที และพร้อมร่วงหล่นลงพื้นในที่สุด แต่ดอกไม้ชนิดนี้กลับชูช่อสีชมพูอมม่วงสดใส ขยับพลิ้วไหวไปตามสายลมอย่างน่ารักน่าเอ็นดูเป็นที่สุด เพื่อให้คนที่ผ่านไปผ่านมาได้ชื่นชมและเก็บเกี่ยวเอาไว้เป็นความทรงจำ ถึงความงามประจำฤดูอันน่าประทับใจอีกอย่างหนึ่งนั่นเอง...

ท้ายสุด.. เราขอให้คุณได้พบกับความสวยงาม และความประทับใจของโซลในมุมมองสีลูกกวาดอย่างที่เราประทับใจมาแล้ว ในฉบับของคุณเองนะคะ..

จนกว่าจะพบกันใหม่
Punda Simtrakul
IG : pie_punda
FB Page : OH Madame Seoul Story
    TAG
  • culture
  • lifestyle
  • travel

Seoul, Candy City

TRAVEL/THE TRIP
October 2018
CONTRIBUTORS
Punda Simtrakul
RECOMMEND
  • CULTURE&LIFESTYLE/THE TRIP

    THE CITYSCAPE OF MALAYSIA

    มาเลเซียคือหนึ่งในประเทศเพื่อนบ้านที่ไปมาง่าย เดินทางสะดวก ใช้เวลาจากเมืองไทยเพียง 2 ชั่วโมงกว่าเท่านั้น หลายคนคงสงสัยว่า 4 วัน 3 คืน เราสามารถทำอะไรได้บ้างที่นี่ ทริปนี้เรามาเที่ยวเมืองกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงขนาดเล็ก มีประชากรประมาณ 1.7 ล้านคนเท่านั้น เราจะพาไปเดินเที่ยวชมเมืองตั้งแต่ย่านธุรกิจ ย่านนักท่องเที่ยว ย่านศูนย์การค้าใหญ่ๆกลางเมือง แวะชมเมืองเก่าผ่านงานสถาปัตยกรรมอันสวยงามและน่าสนใจมาก

    SasivadeeSeptember 2019
  • CULTURE&LIFESTYLE/THE TRIP

    แปลกแยกเหมือนในนิยาย เดียวดายในเมืองโรแมนติก : ตามรอยคาฟคาในปราก

    มันไม่ใช่วันพิเศษ ไม่มีสัญญาณบอกเหตุล่วงหน้า ทุกๆ อย่างเกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ ราวกับเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด ไม่มีที่มาที่ไป ไม่มีเหตุผลที่สมเหตุสมผล แค่เกิดขึ้น ฟรันซ์ คาฟคา มักเริ่มต้นงานเขียนแบบนั้น และในเช้าแสนเรียบง่ายแบบเดียวกัน ฉันก็ตื่นขึ้นมาพบตัวเองอยู่กลางเมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็กอีกครั้ง

    EVERYTHING TEAMJune 2019
  • CULTURE&LIFESTYLE/THE TRIP

    Ayutthaya, A Sacred City - ไหว้พระใกล้กรุง ชิลล์คาเฟ่ขนมไทย และข้อคิดระหว่างทริปที่ทำให้คุณตัดสินใจไปอยุธยาฯ

    เดินทางมาเป็นเวลาชั่วโมงนิดๆก็เข้าสู่อดีตเมืองหลวงอันเก่าแก่ของไทยที่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก จังหวัดพระนครศรีอยุธยาคือจุดหมายปลายทางของเราในทริปนี้เพราะที่นี่ครบเครื่องจริงๆให้ทั้งความสุขใจและสุขกายภายในทริปเดียว ใครอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศการเที่ยวแบบเชิงประวัติศาสตร์ไทย เดินเล่นเที่ยวเมืองเก่าชมงานสถาปัตยกรรม ไหว้พระทำบุญ แวะคาเฟ่ขนมไทยสไตล์โมเดริ์น เราขอให้ทุกคนเพลินไปกับการเดินทางครั้งนี้ที่ใช้เวลาทั้งหมดเพียง 2 วัน 1 คืนเท่านั้น ส่วนครอบครัวไหนกำลังอยากกำลังอยากจะหาที่พักผ่อน ใกล้ๆกรุงเทพมหานคร เราแนะนำพาลูกเก็บกระเป๋าแล้วมุ่งหน้าไปเที่ยวและทำบุญที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยากัน เพราะหลังจากที่เราได้ไปมาหลายรอบแล้ว  เราก็ได้มีข้อคิดเล็กๆสำหรับคุณพ่อ คุณแม่ว่าทำไมเราถึงควรพาลูกไปเที่ยวอยุธยา

    SasivadeeJune 2019
  • CULTURE&LIFESTYLE/THE TRIP

    “สองสาว สองคัน สามพันกว่าโค้ง” กับเส้นทางในฝันของสิงห์นักบิดที่ต้องไปเยือนสักครั้ง

    สำหรับคนรักโค้งหลงเขา คุณต้องมาโดนค่ะ แม้จะยังขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ทั่วไทย ไปแค่ไม่กี่ที่ แต่หลิงขอยกให้เส้นแม่ฮ่องสอนลูปเป็นเส้นทางที่มีโค้งเยอะที่สุดและขี่สนุกที่สุด ส่วนวิวทิวทัศน์ก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะมันสวยจนทำให้เราลืมเหนื่อย ถนนหนทางก็จัดว่าดีทีเดียว ชาวต่างชาติยังต้องมา แล้วทำไมเราจะไม่ไป?!

    Ling BhiradaApril 2019
  • CULTURE&LIFESTYLE/THE TRIP

    BERLIN – A Strolling for Inspiration by SRINLIM

    ให้การเดินทางเป็นแรงบันดาลใจ และเติมเชื้อเพลิงให้ความคิดสร้างสรรค์กับ 4 มิวเซียมใน Berlin

    SRINLIMApril 2019
  • CULTURE&LIFESTYLE/THE TRIP

    เพลงสวดแห่งความตายของแม่น้ำ

    "แม่โขงตายช้าๆ และเงียบเชียบ จากบทความหนึ่งของนักวิชาการต่างชาติที่พูดถึงเขื่อน 7 แห่งในจีน และวันหนึ่งเราจะถูกจำกัดเสรีทางธรรมชาติ และนี้คือเรื่องราวของการเดินทางในครั้งนี้"

    Nikkasit WongsawasMarch 2019
SIGN UP TO OUR NEWSLETTER
A Monthly update of the new issue from us
THANK YOU FOR YOUR SUBSCRIPTION

We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )