LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING
กลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ในซอยจ่าโสด เมื่อเราได้พบกับอาคารสถาปัตยกรรมโมเดิร์นเรียบเท่ที่เต็มไปด้วยไดนามิคของเส้นสาย ส่วนคว้านโค้งซึ่งออกแบบมาเพื่อฟังก์ชั่น และเพื่อแสงธรรมชาติ เป็นอาคารโทนสีขาวสะอาดตาแต่ทำให้เราไม่อาจละสายตา กับเอกลักษณ์ดีไซน์ของอาคารที่ทอดตัวยาวพร้อมมีประภาคารเล็ก ๆ นี่คือ SANS STUDIO BANGKOK สตูดิโอแห่งใหม่ที่ก่อตั้งขึ้นโดยเจ้าของผู้สนใจในงานสถาปัตยกรรมและศิลปะการถ่ายภาพ หลังจากเรียนจบมาจากฝรั่งเศส โดยให้เป็นสตูดิโอที่รองรับงานถ่ายภาพ โปรดัคชั่น จนถึงอีเวนต์ ที่ได้ทาง PHTAA LIVING DESIGN มาเป็นบริษัทสถาปนิกออกแบบให้
“ที่นี่มีความเป็น Sense of Place มาก ๆ เพราะว่างานสถาปัตยกรรมภายนอก สะท้อนเข้ามาถึงสเปซภายในทั้งหมด” พลวิทย์ รัตนธเนศวิไล แห่ง PHTAA LIVING DESIGN ผู้อยู่เบื้องหลังงานออกแบบสตูดิโอแห่งนี้กล่าวถึงแนวคิดหลักในการออกแบบอาคารที่เชื่อมโยงระหว่างภายนอก-ภายใน เกี่ยวพันกับเรื่องของฟังก์ชั่น และแสง ทำให้เกิดอาคารทรงเหลี่ยมทึบตันที่ออกแบบให้มีทั้งส่วนปิดทึบ และส่วนเปิด เพื่อให้สอดรับกับการทำงานถ่ายภาพที่มีทั้งต้องการแสงธรรมชาติ และเน้นการจัดแสงโดยไม่ต้องพึ่งแสงธรรมชาติ
โดยกระบวนการอออกแบบอาคาร เริ่มตั้งต้นจากการร่างรูปทรงกล่อง (Geometric form) ของอาคาร ที่ถูกก้อนรูปทรงกระบอก (Cylinder) คว้านพื้นที่ออกเป็นรูปทรงกลมในมุมที่ต่างกัน จนเกิดเอกลักษณ์ภายนอกอาคารที่สะท้อนเข้าไปยังพื้นที่ภายใน โดยผนังโค้งเว้าจากการคว้านอาคารถูกเพิ่มความน่าสนใจด้วยการออกแบบเป็นช่องแสงกระจกวงกลมที่สร้างแพทเทิร์นให้ผนังมีลวดลายกราฟิกแบบ Polka Dot เพิ่มจุดนำสายตาให้กับสเปซที่เน้นความเรียบ พร้อมได้ประโยชน์ในเรื่องของการใช้งานด้วย “ปกติสตูดิโอถ่ายภาพทั่วไปจะปิดทึบและมืด แต่การหั่นและการคว้านก้อนอาคาร จะช่วยเพิ่มแสงธรรมชาติให้กับพื้นที่ภายในสตูดิโอได้ ไม่ใช่เดินเข้าไปแล้วก็มืดหมดเลย อีกทั้งเจ้าของสตูดิโอยังอยากให้สตูดิโอมีความเป็นแกลเลอรี่ด้วย ดังนั้นการคว้านอาคารออก ทำให้เกิดอาคารมีความ Dynamic และสามารถใช้งานพื้นที่ได้หลากหลายทั้ง ไม่ว่าจะถ่ายภาพนิ่ง ถ่ายหนัง ถ่ายโฆษณา จัดแสดงงานศิลปะ จัดงานแต่ง และจัดอีเวนต์ต่าง ๆ ได้ ทำให้พื้นที่ทั้งภายนอกและภายในมีความเป็น Multipurpose มาก ๆ”
ด้วยรูปร่างของที่ดินที่ตั้งซอยจ่าโสดนั้นค่อนข้างแคบ ดังนั้นรูปทรงอาคารจึงต้องออกแบบให้เป็นแนวยาวรับกับบริบทพื้นที่ โดยสตูดิโอ 3 ชั้น ออกแบบโดยหั่นก้อนอาคารออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วยอาคารส่วนแรก เป็นโถงต้อนรับ ที่เชื่อมกับห้องสตูดิโอ 2 บนชั้น 2 ตรงกลางเป็นส่วนของ Circulation ที่เป็นทางสัญจร บันได ห้องน้ำ และห้องงานระบบ ส่วนอาคารปีกขวา เป็น Studio 1 ที่เปิดสเปซแบบ Double Volume ถึงชั้น 2 ในขณะที่ส่วนชั้น 3 บนสุดเป็น Rooftop ที่มีทางเดินเชื่อมไปยังหอคอย Tower โดยมีบันไดวนสองตัวเชื่อมพื้นที่สตูดิโอ ลานกลางแจ้ง และพื้นที่ดาดฟ้าเข้าด้วยกัน ซึ่งการหั่นก้อนอาคารและเว้นช่องว่างไว้ก็เพื่อให้แสงธรรมชาติมันเข้าไปข้างในได้มากขึ้น
ในความเรียบของรูปแบบความเป็นสตูดิโอยังคงถ่ายทอด Sense of Place ที่แตกต่างในแต่ละห้องไว้ เช่น Studio 2 ออกแบบให้เป็นห้องเรียบสีขาวธรรมดา เหมาะสำหรับงานถ่ายทำที่เน้นการจัดแสง ไม่ได้ต้องการแสงธรรมชาติ และไม่ได้ต้องการความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่มาก ในขณะที่ Studio 1 โดดเด่นด้วยการเปิดรับแสงธรรมชาติ กับดีไซน์สเปซที่ดูมีความล้ำ สร้างการจดจำ
อีกหนึ่งจุดน่าสนใจคือพื้นผิวของอาคารภายนอกในส่วนที่เฉือนคว้านออกนั้น ถูกกรุด้วยกระเบื้องโมเสกสีขาวที่ให้เท็กซ์เจอร์แตกต่างจากพื้นผิวอาคารส่วนอื่นที่เป็นผนังพ่นทราย เป็นการสะท้อนให้เห็นร่องรอยที่เกิดขึ้นจากการกระบวนเฉือนคว้านอาคารจนเกิดเป็นที่ว่างขึ้น
“กล่าวได้ว่าเป็นออกแบบงาน Architecture ที่คิดเหมือนงาน Sculpture ที่มีฟังก์ชั่น” คำสรุปทิ้งท้ายที่อธิบายถึงแนวคิดของสตูดิโอที่เรียบแต่ไม่ธรรมดาแห่งนี้
Architect : PHTAA LIVING DESIGN
Building area : 955 sq.m
Location: Bangkok, Thailand
Year of completion: 2023
SANS STUDIO BANGKOK by PHTAA LIVING DESIGN สตูดิโอที่สร้างเอกลักษณ์ภายนอก จากการนำแสงธรรมชาติเข้าสู่ฟังก์ชั่นภายใน
/
บ้านหลังแรกที่สร้างขึ้นเองของคุณออมมี่ และคุณแบงค์ -ปรีดากร เมรเกรียงชัย Co-Founder แห่งแบรนด์ Gentle RAM บ้าน ที่ตอบโจทย์รสนิยมของทั้งสองที่หลงใหลในความ Timeless และการอยู่อาศัยที่อยู่สบาย เรียบง่าย พร้อมจัดระเบียบชีวิตในบ้านได้อย่างลงตัว บ้านที่ทุกพื้นที่ และทุกฟังก์ชั่นที่ทาง THE OTHERS ผู้ออกแบบได้ขบคิดมาอย่างพิถีพิถันไม่ต่างกับเสื้อผ้าที่เทรลเลอร์เมดให้พอดีกับเจ้าของบ้าน
/
หนึ่งในกิจกรรมจากเวที TOSTEM Asia Design Award (TADA) ซึ่งจัดขึ้นโดย TOSTEM เพื่อเฟ้นหาผลงานสถาปัตยกรรมในเอเชีย ที่มุ่งให้ความสำคัญกับเรื่องของธรรมชาติ ผสานเข้ากับนวัตกรรมการอยู่อาศัยสมัยใหม่ ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้งาน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ซึ่งนอกจากผู้ชนะรางวัลจะได้ร่วมเดินทางไปรับรางวัลที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว ยังได้พบปะกับ Akihisa Hirata สถาปนิกชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงระดับโลก ที่มาแชร์มุมมองแนวคิดการออกแบบโปรเจกต์ต่าง ๆ ตั้งแต่งาน Installation Art บ้านพักอาศัย จนถึงอาคารสาธารณะ ซึ่งความน่าสนใจนอกเหนือจากเอกลักษณ์ภาษาทางสถาปัตยกรรมที่ถ่ายทอดผ่านฟอร์ม และสเปซที่โดดเด่น และเป็นที่จดจำแล้วนั้น สำคัญคือปรัชญาหลักที่เป็นรากฐานความคิดของ Hirata สู่การพัฒนาเป็นสถาปัตยกรรมน่าทึ่งเหล่านั้น ซึ่งเราจะมาเจาะลึกแนวคิดที่ว่านั้นกัน
By TOSTEM/
ผสานบริบทธรรมชาติ สอดรับกับวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างลึกซึ้ง พร้อมถ่ายทอดสู่เอกลักษณ์ภาษาทางสถาปัตยกรรม ที่เติมเต็มทั้งสุนทรียศาสตร์ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตผู้อยู่อาศัยได้ทุกมิติ คือจุดร่วมหลักของสองผลงานออกแบบบ้านที่ตั้งอยู่ใน 2 จังหวัดทางภาคเหนือ ที่คว้ารางวัล TOSTEM ASIA DESIGN AWARD 2024 (TADA 2024) ในกลุ่มประเภท “Special Mention for Sustainable Living” มาครอง
By TOSTEM/
ขึ้นชื่อว่าเป็นโปรเจกต์ออกแบบโดย HAS design and research ของสองสถาปนิกฝีมือแถวหน้าอย่าง คุณเจอร์รี่ หง (Jenchieh Hung) และคุณป้อ-กุลธิดา ทรงกิตติภักดี (Kulthida Songkittipakdee) แล้วนั้นรับรองว่ามิติที่ลึกซึ้งกว่าเรื่องของฟอร์มอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ทุกคนต่างทึ่งไปกับงาน“Aluminum Grotto and Public Ground” งานอินสตอลเลชันสุดอลังการที่จัดแสดงในงานสถาปนิก’67 ก็เป็นตัวอย่างของการผสานองค์ประกอบเรื่องของพื้นผิว-พื้นที่-โครงสร้าง-ฟังก์ชั่นให้เป็นหนึ่งเดียว ภายใต้ภาษาทางสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ และเชื่อมระหว่างภูมิทัศน์ธรรมชาติ ศิลปะเชิงช่าง และวัสดุอุตสาหกรรมได้อย่างน่าตื่นตา มาถึงโปรเจกต์ใหม่ที่เป็นงานออกแบบรีเทลนี้ ทาง HAS ได้พยายามข้ามขนบบางอย่างของการออกแบบพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั่วไป เพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับผู้ที่ได้ไปเยือน
/
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นคณะสถาปัตยกรรมแห่งแรกของประเทศไทย ที่มีการเปิดให้เรียนในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับสถาปัตยกรรมศาสตร์ ก่อตั้งโดย อาจารย์นารถ โพธิประสาท ในปี พ.ศ. 2476 และมีการเปิดใช้ตึกคณะสถาปัตยกรรมครั้งแรกในปี พ.ศ. 2484 จนต่อมาในปี พ.ศ. 2485 ภายใต้รัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้มี “ประกาศปรับปรุงอักสรไทย” ขึ้นเพื่อให้การสะกดคำในภาษาไทยกะทัดรัดและลดความซ้ำซ้อนของตัวอักษรลง ชื่อคณะสถาปัตยกรรม จึงถูกเปลี่ยนแปลงและใช้ชื่อว่า คณะสถาปัตยกัม อยู่นานถึงสองปี ก่อนจะมีการกลับมาใช้ชื่อเดิมอีกครั้ง (หลังจบสงคราม) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2487 เป็นต้นไป
/
นี่ไม่ใช่บ้านที่ออกแบบตามค่านิยมทั่วไป เพราะจะมีบ้านหลังไหนที่ต้องเดินลัดเลาะผ่านเส้นทางคดเคี้ยวและบันไดสูงเหมือนเดินขึ้นภูเขาก่อนเข้าถึงตัวบ้าน อีกทั้งในเวลาฝนตกอาจต้องยอมเดินเปียกปอน ผ่านแลนด์สเคปซับซ้อน ที่ทำให้เรามีเวลามากขึ้นกับการซึมซับบรรยากาศรอบตัวผ่านทุกประสาทสัมผัส บ้านในเมืองหลังไหนที่จะรองรับการขยายพื้นที่สีเขียวได้มากเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญไม่ได้มุ่งเน้นแค่การสร้าง สุนทรียภาพเฉพาะสำหรับผู้อยู่อาศัย แต่ยังคำนึงถึงผู้คนบ้านใกล้เรือนเคียงด้วย เรากำลังพูดถึงบ้าน Mirin House ออกแบบโดย AAd - Ayutt and Associates Design ที่ให้ความเป็นส่วนตัว กับการสอดแทรกธรรมชาติสู่การอยู่อาศัยได้โดยไม่ต้องยึดติดรูปแบบบ้านล้อมคอร์ต และกล้าออกนอกกรอบแนวคิดการออกแบบบ้านทั่วไป ซึ่งนี่อาจเป็นตัวอย่างที่จะทำให้เจ้าของบ้านหรือสถาปนิกในวงการได้เปิดมุมมองการออกแบบใหม่ ๆ ต่อขยายเรื่องของประสบการณ์ ประสาทสัมผัส ธรรมชาติ และความงามของการอยู่อาศัยที่หลับตาแล้วยังสัมผัสได้ถึงมันอยู่
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )