LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING

และการระบายความโกรธสู่ การตั้งคำถามสังคม

ที่มาของชื่อ PSSYPPL. เกิดขึ้นได้อย่างไร
PSSYPPL. มาจากคำว่า Pussy People ครับ โดยต้องเล่าย้อนไปตั้งแต่สมัยผมเรียนปริญญาตรีที่ทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเรื่องเพศ กับการใช้สัญลักษณ์ทางเพศในงานศิลปะ เพื่อลบภาพในหัวของคนว่า ภาพอวัยวะเพศชายหรือหญิงในงานศิลปะ ไม่ใช่สิ่งอนาจารหรือเป็นเรื่องตลก และอยากให้มองทะลุไปถึงความหมายจริงๆ ของศิลปิน หลังจากนั้นชื่อ Pussy People ก็กลายเป็นชื่อโปรเจกท์ย่อยของผมที่มีคอนเซ็ปต์เดียวกันแต่ทำผ่านสื่อดิจิตอล ผมชอบคำนี้เพราะมีหลายความหมายในตัว เลยใช้ตั้งเป็นชื่อเพจด้วย โดยช่วงแรกๆ แค่อยากใช้เป็นพื้นที่สำหรับผลักดันไอเดียเกี่ยวกับเรื่องเพศในงานศิลปะให้คนเข้าใจ จากนั้นทำไปเรื่อยๆ เราก็เริ่มวาดตามความรู้สึก เรารู้สึกว่าอะไรไม่ยุติธรรมก็วาดออกมา แต่แค่ช่วงหลังสาเหตุของความรู้สึกไม่พอใจของเรา มันไปเชื่อมโยงกับเรื่องการเมืองเสียส่วนใหญ่ เพราะเป็นเรื่องที่อิมแพคกับชีวิตของเรามากที่สุดครับ
การใช้สีคอนทราสจัด ผิวสีแดงก่ำ คือตัวแทนของการระบายความโกรธที่อัดอั้นที่ว่านั้นเหรอ
งานของผมค่อยๆ พัฒนาตัวเองจากงานแต่ชิ้น โดยถ้าย้อนไปดูงานช่วงแรกของผม งานยังไม่มีคอนทราสที่จัดขนาดนี้ แต่ผมรู้สึกว่าการวาดภาพเชิง Political สำหรับผมมันคือการบำบัดอย่างหนึ่ง ที่เราเอามวลความโกรธที่เรามี ณ ตอนนั้นมาใช้กับการรีเสิร์ช และใส่เข้าไปในงาน ทำให้งานมันกระแทกความรู้สึกก่อนที่คนดูจะเริ่มค่อยๆ วิเคราะห์กับมัน อย่าง สีแดงที่ผมใช้ในงาน บางครั้งก็แทนความโกรธ แต่บางครั้งผมตั้งใจดึงองค์ประกอบสีมาจากธงชาติ สีแดงคือชาติ ซึ่งก็คือประชาชน สีแดงจึงถูกใช้กับตัวละครทั้งที่เป็นประชาชนทั่วไป และผู้ที่ดูมีอำนาจ เพื่อให้เห็นว่าจริงๆ แล้วมันก็คือเผ่าพันธุ์เดียวกัน เป็นคนเหมือนกัน มีเลือดเนื้อผิวหนังเหมือนกัน แต่ความมีอำนาจเหนือกว่า ทำให้พวกเขารู้สึกตัวใหญ่กว่า ดังนั้นในการทำงาน เราไม่ได้จำแล้วว่าเราโกรธแค่นั้น แต่เราโฟกัสว่าเราจะทำงานอย่างไรให้ออกมาดี เพราะเรามีคอนเซ็ปต์ความโกรธที่อยู่ในมือเราแล้วตอนนี้


งานของคุณมีการสัญลักษณ์ การแสดงความรู้สึกและชวนให้เกิดการตั้งคำถาม ทั้งหมดนี้เป็นความตั้งใจหรือเปล่า
ผมอยากให้คนได้เริ่มซึมซับกับการตีความ ผมเลยใส่สัญลักษณ์ต่างๆ เข้าไปในงานของผม เช่น งานที่วาดตึกที่แต่ละชั้นของตึก สะท้อนถึงความแตกต่างของชนชั้น ภาพวาดน้ำท่วมกรุงเทพฯ ที่ใส่ดีเทล เรื่องของขนส่งมวลชน การทำงาน ขยะ เป็นต้น เมื่อเราใส่ดีเทลเยอะ จึงต้องรีเสิร์ชเยอะตามไปด้วย เช่นสัญลักษณ์ที่ใช้มันละเมิดใครไหม สัญลักษณ์นี้แสดงออกถึงความรุนแรง หรือแสดงถึงเสรีภาพในการแสดงออก หรือตำแหน่งในแต่ละจุดที่เราจะนำสัญลักษณ์มารวมกันนั้นจะเข้ากันไหม ใช้สีอะไรดี และให้สื่อถึงอะไร ก็จะต้องคิดเยอะกว่ารูปที่เราวาดตัวคาแรคเตอร์เพียวๆ”



คุณจัดการกับความรู้สึกโกรธที่ปะทุขึ้นระหว่างทำงานศิลปะอย่างไร
ด้วยงานของผมส่วนใหญ่มันมีพื้นฐานมาจากความรู้สึก ดังนั้นถ้าเราเอาความโกรธล้วนๆ เข้าไปใส่ในงาน เราอาจสื่อสารให้โลกรู้ได้แค่ว่าเราโกรธ ผมเคยวาดรูปตอนโกรธจริงๆ แล้วพองานเผยแพร่ออกไป กลายเป็นว่าฟีดแบ็คที่ได้ไม่ใช่การถกเถียง ไม่ใช่การตั้งคำถาม แต่เป็น Hate Speech ผมจึงไม่ชอบงานชิ้นนั้นเลย เพราะอยากให้เกิดการถกเถียงอย่างสร้างสรรค์มากกว่า ต่อให้คิดเห็นไม่ตรงกัน ก็เอาข้อมูลมากาง จึงพยายามอยู่กับความโกรธ ผ่านการรีเสิร์ช และการที่ผมต้องคิดเยอะขึ้น ก็ทำให้ผมเองได้กลั่นกรองความโกรธมากขึ้น กลายเป็นความสงบนิ่ง จากกลุ่มก้อนความโกรธก็จะเริ่มคลี่คลายทำให้เราเห็นภาพที่จะนำไปใส่ในงานได้ดีขึ้น ดังนั้นความรู้โกรธจึงเป็นสื่อกลางที่ทำให้คนอาจรู้สึกโกรธตาม หรือเกิดความคิดวิเคราะห์ และตั้งคำถามขึ้น ที่สำคัญคนได้เห็นคุณค่าของงานมากกว่าแค่ว่าสวยจัง”

ดูเหมือนว่าคุณจะชอบซ่อนความหมายในองค์ประกอบของภาพ
ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบจะอธิบายงานเท่าไร เราอยากให้มันเป็นพื้นที่ที่คนมาถกเถียง หรือตั้งคำถามในแต่ละตัวบุคคลกันมากกว่าว่า เช่น ทำไมถึงใช้สีแดง แสดงออกถึงความโกรธ หรือเชื่อมโยงกับสีแดงจากธงชาติ เป็นต้น มันทำให้ผมรู้สึกสนุกกับการทำงาน เพราะไม่อยากตีกรอบความคิดว่าสุดท้ายต้องเป็นแบบนี้เท่านั้นครับ เพราะแต่ละคนมีแบ็คกราวน์ต่างกัน จึงไม่มีผิดถูกในการตีความหมายงานของผมครับ”
ทำไมศิลปินถึงจะควรออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง
ในมุมมองส่วนตัว มองว่าไม่จำเป็นที่ศิลปินจะต้องออกมา Call out การเมืองผ่านงานศิลปะ ผมรู้สึกว่าสิ่งที่คุณเลือกจะทำ มันต้องเป็นสิ่งที่คุณรัก ไม่ใช่ว่าฝืนทำเพื่ออะไรบางอย่าง สมมติ ผมวาดดอกไม้มาทั้งชีวิตเลย แต่วันหนึ่งมีคนมาบอกว่าเป็นหน้าที่ของผมนะ เพราะผมมี Follower เยอะ ทำไมผมไม่แสดงออกทางด้านการเมือง กลายเป็นว่าเดิมทีเราวาดดอกไม้ด้วยความสนุก แต่วันหนึ่งเรากดดันตัวเองว่าต้องวาดอะไรที่เน้นการเมือง เราก็จะทำออกมาไม่ดี จริงๆ แล้วมันมีวิธีอีกมากมายที่จะแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เราอาจทำในฐานะประชาชนก็ได้ แต่ในฐานะของศิลปิน เราทำงานศิลปะที่เน้นเป็นตัวของตัวเองที่สุด”

ศิลปินไทยมีเสรีภาพมากแค่ไหนในการแสดงออกความคิดเห็นทางการเมือง
โดยตัวศิลปะแล้วมันไม่เคยมีกรอบ และเราไม่ควรมีกรอบในการแสดงออก แต่สิ่งที่มากับศิลปะก็คือผลกระทบที่ตามมามากกว่า เช่น ผมอยากเอาขยะเหม็นๆ มาทำเป็นงานศิลปะสักชิ้นหนึ่ง ผลที่ตามมาก็อาจจะเป็นคนไม่มาดูงานเพราะมันสกปรกมันเหม็น แต่สำหรับในประเทศไทย บางทีเราแค่วาดภาพบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ เราแค่อยากวิพากษ์เหตุการณ์ตรงนี้ในสไตล์หรือในมุมมองของเรา กลายเป็นว่าผลกระทบที่ตามมา คือเราโดนเรียกไปปรับทัศนคติ หรือต้องมานั่งระแวงว่าเราจะโดนจับวันไหนก็ไม่รู้ ดังนั้นเราเหมือนมีเสรีภาพ แต่ผลกระทบตามมาก็รุนแรงเกินกว่าที่ควรจะเป็น ก็ไม่ค่อย Make sense เท่าไหร่ มันเป็นเสรีภาพ ที่เหมือนมีอะไรก็ไม่รู้ที่จ้องจะตามมาเล่นงานในตอนท้าย”


ในฐานะศิลปิน คุณคิดว่าศิลปินมีส่วนช่วยขับเคลื่อนสังคมอย่างไรบ้าง
ในมุมมองของผมที่ทำงานอาร์ต เริ่มจากให้คนเข้าใจว่าในการทำงานศิลปะนั้น ศิลปินได้ผ่านกระบวนการคิดและไตร่ตรองแล้วว่าจะสื่ออะไร เคยชินกับการเสพงานศิลปะที่ไม่ใช่แค่ความสวย แต่เกิดการตั้งคำถาม และคิดให้ลึกขึ้น ทำให้คุณค่าและมูลค่าของงานศิลปะนั้นมีมากขึ้น จากนั้นวงการศิลปะก็จะเติบโตขึ้น และศิลปินก็จะทำงานดีๆ ออกมามากขึ้นครับ"

ฝากอะไรถึงท่านผู้นำ
ให้มีความเป็นคนขึ้นนิดนึง อย่ามีแต่ร่างกายที่เป็นมนุษย์เลยครับ
PSSYPPL กับภาพประกอบที่ใช้สัญลักษณ์ ความหมาย และการระบายความโกรธสู่การตั้งคำถามสังคม
/
ทันทีที่ Key Visual สถาปนิก’ 68 เผยแพร่ออกมา บทสนทนาปลุกสัญชาตญาณนักสืบในตัวทุกคนพร้อมใจกันทำงานแบบ Autopilot และระหว่างที่ตามหาเฉลยกันจริงจัง ทุกคนเริ่มหันมาตั้งคำถามต่อว่า Art Toys เกี่ยวข้องกับธีมงานอย่างไร รู้ตัวอีกทีวงสนทนาก็กระเพื่อมขยายกว้างขึ้น ส่งสัญญาณชัดว่า Key Visual ปีนี้เปิดฉากมาแบบสนุกเอาเรื่อง โดนเส้นกันสุดๆ
/
วัลลภ รุ่งกำจัด หรือ อุ้ม นักแสดงที่เชื่อมโยงความเป็นมนุษย์กับโลกของภาพยนตร์ ผ่านการสร้างชีวิตให้ตัวละครต่าง ๆ ได้ออกมาโลดแล่นแสดงความรู้สึกทางอารมณ์ให้กับผู้ชม แม้เขาจะไม่ได้เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในวงกว้างเทียบเท่ากับนักแสดงกระแสหลัก แต่ในเวทีระดับโลก “อุ้ม” ได้พิสูจน์ตัวเองกับการเป็นนักแสดงที่มีความสามารถที่ยอมทุ่มเทหลาย ๆ สิ่ง ให้กับงานศิลปะด้านการแสดงในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้อย่างสุดตัว
/
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เราได้รู้จักกับเธอคนนี้ในชื่อของ พัด หรือที่ชอบเรียกติดปากกันว่า พัด ZWEED N’ ROLL เจ้าของเสียงทุ้มมีเสน่ห์ นักร้องและนักแต่งเพลงที่ฝากผลงานเพลงเศร้าเอาไว้ในวงการมากมาย อาทิ ช่วงเวลา, Diary, อาจเป็นฉัน และอีกมากมาย ไม่มีอะไรแน่นอนแม้กระทั่งตัวเราเอง ช่วงเวลาจึงได้พัดพาให้เรามาทำความรู้จักกับ “MAMIO” ในฐานะศิลปินใหม่จากค่าย Warner Music Thailand ซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งของคุณพัดที่ไม่เคยถูกปลดปล่อยออกมาเลยตลอดชีวิตการทำงานในวงการสิบกว่าปีที่ผ่านมา หรือถ้าจะให้ซื่อสัตย์กับตัวเองจริง ๆ ก็อาจจะเป็นทั้งชีวิตที่เกิดมาเลยเสียด้วยซ้ำ
/
Whispers เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่สะท้อนการเติบโตของวงการ Hardcore ในประเทศไทยอย่างแท้จริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงกลุ่มเพื่อนที่หลงใหลในดนตรี เพราะนอกจากจะเป็นผู้เล่น พวกเขายังเป็นกำลังสำคัญที่คอยผลักดันซีนฮาร์ดคอร์ในบ้านเรามาโดยตลอด ประสบการณ์ที่สั่งสมทำให้เกิดเป็นสไตล์เฉพาะของ Whispers สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้พวกเขาก้าวไปสู่เวทีระดับสากล ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ใต้ดินของไทย แต่เสียงคำรามของพวกเขาก็ดังไปไกลถึงทวีปยุโรป มาพบกับเส้นทางดนตรีที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและการเปลี่ยนแปลง กับวงฮาร์ดคอร์ระดับบท็อปของ Southeast Asia
/
ด้วยลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์และรูปแบบงานสักของเขา ที่เรารู้สึกแปลกประหลาดกว่างานสักอื่น ๆ (แปลกประหลาดในที่นี้คือความหมายในแง่ดีนะ) ก็เลยตัดสินใจส่งข้อความทักไปหา “พี่นัทครับ ผมขอสัมภาษณ์พี่ได้ไหม” “ได้ครับ” สั้น ๆ แต่จบ เรื่องราวทั้งหมดก็เลยเริ่มต้นขึ้นที่ร้าน CAVETOWN.TATTOO แถว ๆ ปิ่นเกล้า ซึ่งพี่นัทเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ บทสนทนาของเราเริ่มกันในช่วงเวลาบ่าย ๆ ของวันพฤหัส พอไปถึงร้านพี่นัทกำลังติดงานสักให้กับลูกค้าอยู่หนึ่งคน พอได้เห็นลายที่เขาสักต้องบอกว่าเท่มาก ๆ มันมีความเป็น Psychedelic บวกกับ Ornamental ผสมผสานกับเทคนิค Dotwork จนกลายเป็นงานศิลปะบนผิวหนังหลังฝ่ามือ เราถึงกับต้องถามคำถามโง่ ๆ กับลูกค้าที่ถูกสักว่า “เจ็บไหม” แน่นอนคำตอบที่ได้คือ “โคตรเจ็บ” เพราะจุดที่สักคือหลังฝ่ามือ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายคนร่ำลือกันว่าโคตรเจ็บ ระหว่างที่รอพี่นัทไปพลาง ๆ น้องแมคช่างภาพที่มีรอยสัก Full Sleeve เต็มแขนขวา ก็เริ่มกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปเก็บภาพระหว่างที่เขาสักไปด้วย พอสักเสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยให้พี่เขาพักผ่อนกินน้ำ ปัสสาวะ (อ่านแยกคำนะอย่าอ่านติดกัน) ก่อนจะพูดคุย แต่เดี๋ยว ! ก่อนจะเริ่มบทสนทนา เราขอเกริ่นให้ฟังซักนิดนึงเกี่ยวกับชายคนนี้ก่อน
/
ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีวงดนตรีสัญชาติไทยที่ชื่อ KIKI ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในวงที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากทั้งในประเทศไทย ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง ก็เพราะด้วยเสียงเพลงที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และการนำเสนอแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงความตั้งใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงตัวตนของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )