LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING


Post-thesis after thesis
หลังจากจบช่วงธีสิสแล้วเริ่มทำเป็นแบรนด์จริงจังแล้ว เราก็ยังทำทุกกระบวนการด้วยตัวเองทั้งหมด มันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ นะ มุมมองในการทำงานของเรามันก็เติบโตขึ้นด้วยเหมือนกัน เพราะตอนที่ทำธีสิสจบใหม่ๆ เราโฟกัสไปแค่ประเด็นเดียวนั่นก็คือเรื่องการยกเลิกชุดนักเรียน แต่ว่าตอนนี้เรามองภาพรวมมากขึ้นแล้วพบว่ามันมีอะไรซับซ้อนอีกเยอะ จนตอนนี้เราเองก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าควรยกเลิก

พูดเรื่องชุดนักเรียนมาสองปี คุณมองเห็นอะไรเพิ่มขึ้นบ้าง
เราได้เห็นวิวัฒนาการความคิดของคนในสังคมต่อชุดนักเรียน มันมีการพูดคุยเรื่องนี้กันมากขึ้น แล้วเราก็พบว่ามีคนส่วนหนึ่งที่เขาชอบชุดนักเรียนแบบเดิมอยู่ และคิดว่าการยกเลิกจะยิ่งไปเน้นเรื่องความเหลื่อมล้ำหรือเปล่า ตอนนี้เราเลยคิดว่าถ้าใช้วิธีถอนรากถอนโคนเลย อาจจะเป็นวิธีที่เร็วไปหน่อย และบริษัทหรือคนที่ทำงานผลิตชุดนักเรียนต้องได้รับผลกระทบ มันต้องมีการแก้ไขปัญหาที่ดีกว่านี้ ถ้าไม่อยากยกเลิก ก็ควรจะมีทางเลือกเพิ่มเติมให้เด็กๆ ไม่ใช่บังคับให้เขาต้องเลือกโรงเรียนที่มียูนิฟอร์มอย่างเดียว ถ้าใครชอบชุดนักเรียนก็มีสิทธิ์เลือกได้ว่าจะเข้าโรงเรียนที่มีชุดยูนิฟอร์ม เพราะว่าต่างประเทศหลายประเทศเขาก็มี แต่ทำไมในไทยยังไม่มี


ไม่ได้ว่าถ้าชอบชุดนักเรียน แต่อย่าลืมปัญหาของมันด้วย
มันยังมีการใช้อำนาจผ่านเครื่องแบบนักเรียนอยู่ ซึ่งคนที่เห็นด้วยกับชุดนักเรียน เขาก็ควรจะตระหนักเรื่องนี้ด้วยว่าชุดนักเรียนแบบเดิมมันยังมีปัญหา มันยังเป็นเครื่องมือของอำนาจนิยมที่คอยกดตัวเด็กอยู่ ก็ต้องไปแก้กันที่กฎหมายและโครงสร้างของระบบการศึกษา และถ้าจะแก้ปัญหาจริงๆ ก็ควรไปแก้ไขเรื่องสวัสดิการชุดนักเรียนด้วยว่ารองรับมากแค่ไหน เพราะเราเรียนโรงเรียนคาทอลิก เราเห็นว่าชุดยูนิฟอร์มมันมีปัญหาโดยเฉพาะของผู้หญิง ทั้งร้อนและมีการเปลี่ยนไปตามแต่ชั้นปีบ่อยมาก เด็กต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ถึงสามรอบ กลายเป็นชุดยูนิฟอร์มไปเพิ่มภาระให้ผู้ปกครอง ซึ่งเราเชื่อว่ามันคงต้องใช้เวลาหลายสิบปีเลยกว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้
แล้วคิดว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร
เรามานั่งคิดกับตัวเองแล้วพบว่าปัญหาจริงๆ คือเรื่อง Appreciation การยอมรับเรื่องสิทธิ์ในการแต่งตัวของคนในสังคมมันยังมีอยู่น้อย โรงเรียนเลยต้องสอนให้เด็กรู้จักการยอมรับ เคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกันด้วย โดยไม่มองเสื้อผ้าในเชิงชนชั้น ว่าใส่แบบไหนแล้วดูรวยหรือดูจน ตัวบุคลากรทางการศึกษาเองก็ด้วยเช่นกัน คุณต้องเอาใจใส่เด็กในเรื่องการศึกษา ไม่ใช่ไปโฟกัสเรื่องเสื้อผ้าอย่างเดียว ถ้ามีบุคลากรที่เข้าใจเด็กได้มากกว่าแค่เรื่องชุดนักเรียน โรงเรียนมันจะน่าไปเรียนมากกว่าเดิมเยอะเลย
Art Direction ของ post-thesis เปลี่ยนไปด้วยหรือเปล่า
ในเชิงของแบรนด์ เราเริ่มทำให้มันชัดเจนขึ้นนะ ว่ามีอะไรที่เป็นงานเอกลักษณ์ของเราบ้าง ก็คือเสื้อแขนพองกับกางเกงกระโปรง ซึ่งจริงๆ มันก็คือชุดที่อยู่ในงานธีสิสของเรานั่นแหละ แล้วเรามาค้นพบทีหลังว่ามันตอบโจทย์คนในสังคม และหยิบไปใส่ในชีวิตประจำวันได้มากที่สุด แต่ถ้าพูดในมุมมองของการดีไซน์ เรายังคงใช้ความคิดแบบเดิมอยู่ นั่นก็คือการมองย้อนกลับไปที่ชุดว่ามีองค์ประกอบไหนที่เราสามารถหยิบมาขยายหรือลดทอนได้ และถ้ามีปัญหา เราจะแก้ไขอะไรได้บ้างให้คนสามารถหยิบไปใส่ได้ง่ายขึ้น อย่างกางเกงกระโปรง คุณอยากได้กระโปรงที่เป็นยูนิฟอร์มแล้วมันใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น ผู้หญิงและผู้ชายก็สามารถใส่ได้ ทำไมคุณไม่ทำกางเกงที่เหมือนกระโปรงไปเลย

เล่าถึงผลงานการออกแบบล่าสุดในซีรีย์เรื่องเด็กใหม่ 2 หน่อย
เราได้รับเชิญให้ไปออกแบบชุดให้ทางซีรีย์สองชุด ก็คือชุดนักเรียนสีดำของแนนโน๊ะและชุดสีแดงของยูริ อย่างตัวชุดสีดำมันมีมาอยู่แล้วใน Opening ของซีซั่นหนึ่ง และในซีซั่นสองเขาก็อยากจะใช้ Mood แบบเดิม เราเลยมานั่งคิดว่าชุดนักเรียนของแนนโน๊ะควรเป็นแบบไหน ก็เลยไอเดียว่าจะทำเป็นชุดนักเรียนหนังสีดำ เพราะสีดำและความเงาของหนัง มันส่งเสริมไปกับคาแรคเตอร์ที่ต้องมีความ Stand out มีความเป็นปีศาจ
ส่วนชุดสีแดงในตอนแรกมันจะเห็นไม่ค่อยเยอะ ปรากฏเป็นซีนเล็กๆ แต่เราเสนอกับทีมว่าอยากได้ชุดหนึ่งที่เป็น Conceptual ที่มันทำให้เห็นว่าสองตัวละครนี้มันมีบางอย่างเชื่อมกันอยู่ และซีซั่นนี้ก็มีประเด็นเกี่ยวกับเลือดด้วย เลยได้ไอเดียว่าอยากทำชุดที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูการแบ่งเนื้อเยื่อ การแบ่งเซลล์ คือถ้าไปตามดูในซีรีย์จริงๆ ความสัมพันธ์ของแนนโน๊ะและยูริมันไม่เหมือนกับที่เราคิดไว้หรอก แต่ด้วย Mood & Tone และ Visual แล้วมันไปด้วยกันได้กับสิ่งที่ผู้กำกับคิดไว้ เลยกลายมาเป็นชุดนี้ได้


ได้ยินว่าชุดสีแดงเป็นชุดที่ทำยากที่สุดเท่าที่เคยทำมา
มันเป็นชุดที่มีการทำหลายขั้นตอนมาก เพราะเป็นชุดที่มีแขนเป็นถุงมือแล้วมีผ้าส่วนที่เป็นคล้ายๆ เนื้อเยื่อหรือเซลล์ที่เชื่อมระหว่างแนนโน๊ะกับยูริ แล้วการจะสร้างเอฟเฟ็กต์แบบนี้ได้ มันต้องอาศัยการจับจีบผ้าให้ตกโค้งสวยตามที่เราคิดไว้ ซึ่งเราจะต้องกลัดผ้าด้วยมือทั้งหมด ไม่สามารถเอาเข้าจักรได้ และการเก็บงานเองก็ต้องเนี้ยบเพราะจะให้เห็นรอยต่อของผ้าโผล่ออกมาไม่ได้เลย
ก้าวต่อไปของ post-thesis จะเป็นอย่างไร ต้องเป็นชุดนักเรียนอยู่หรือเปล่า
เราเริ่มมองภาพของชุดยูนิฟอร์มใหญ่ขึ้นว่าไม่น่าจะมีแค่ชุดนักเรียนเท่านั้น เราย้อนกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่าชุดยูนิฟอร์มมันคืออะไรกันแน่ เพราะจริงๆ มันเป็นอะไรก็ได้เลยที่สามารถนำเสนอตัวตนของคนกลุ่มเดียวกันได้ ในอนาคต post- thesis ก็อาจจะมาในยูนิฟอร์มแบบอื่นๆ โดยที่ไม่มีเค้าโครงเดิมอยู่เลย แต่เรายังตอบแบบชัดๆ ไม่ได้นะ เพราะเราทำงานด้วย Passion และทำงานแบบ Real-time ณ ตอนนั้น สนใจอะไรอยู่ก็จะหยิบขึ้นมาทำ
แต่เราคงจะไม่ได้ยึดติดกับชุดนักเรียนแล้ว อย่างคอลเล็กชั่นล่าสุดเมื่อตอนต้นปี น่าจะเป็นเซ็ตแรกที่ปล่อยวาง เริ่มลดทอนความเป็นชุดนักเรียนลง เราทดลองว่าตัวเองจะหลุดพ้นออกจากชุดนักเรียนได้หรือเปล่า แต่คนก็ยังมองคอลเล็กชั่นนี้ว่ามีความเป็นชุดนักเรียนอยู่ เขายังติดภาพอยู่ ก็จริงอยู่ที่ยังมีตราโลโก้ แต่ถ้าเอาออกแล้วมันก็คือชุดแฟชั่นธรรมดาชุดหนึ่งนะ หรืออาจจะมองว่าการจับจีบมันเหมือนชุดนักเรียน ความจริงคือเสื้อผ้าแฟชั่นมันก็มีการจับจีบอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปห้ามเขา เพราะเราปล่อยให้คนที่ติดตามผลงานเป็นคนตัดสินใจหรือตีความด้วยตัวเอง

รัฐบาล แฟชั่นความเป็นไทย เรื่องเดิมๆ ที่ไม่พัฒนาไปทางไหน
เราคิดว่าการที่รัฐบาลไปโฟกัสความเป็นไทยแค่ผ้าไทยอย่างเดียว มันเป็นการมองที่แคบไปหน่อย เรายังไม่เห็นผลว่าผ้าไทยที่เขาทำมา มันเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันได้ยังไง หรือมันพัฒนาได้จริงทั้งในเชิงเศรษฐกิจเชิงอุตสาหกรรม กลับกันการ Over Hype ผ้าไทยมากๆ มันเป็นการล้างสมองมากกว่าว่า เธอจะต้องสนใจผ้าไทยนะ เพราะผ้าไทยมันกำลังจะหายไปตามกาลเวลา มันดูเป็นการยัดเยียด ไม่ใช่ทุกคนจะชอบผ้าไทย ปัจจุบันเราก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่นี่ว่ าการยัดเยียดให้คนรักชาติมันได้ผลยังไง เราเลยอยากจะบอกว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่นำเสนอความเป็นไทยมันไม่ได้แค่ผ้าไทยอย่างเดียวเท่านั้น และผ้าไทยมันไม่มีทางหายไปไหนหรอก ถ้าการสนับสนุนของรัฐบาลมันดีพอ
เห็นคุณออกมาแสดงความคิดเรื่องการเมืองอยู่บ่อยๆ คิดว่าทำไมคนในวงการแฟชั่นยังคิดว่าแฟชั่นกับการเมืองเป็นคนละเรื่อง
เพราะพวกเขายังไม่ได้รับผลกระทบจากการเมืองไง มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วตราบใดที่ยังมองไม่เห็นว่าระบบการเมืองมันมีปัญหา ก็จะไม่มีใครสนใจออกมาพูดถึงอยู่แล้ว เราเคยไปสัมภาษณ์สื่อหนึ่งแล้วมีคนเข้ามาโต้แย้งว่า แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าเขาไม่สนใจการเมือง เราเลยชุกคิดกับตัวเองว่า เออวะ แล้วเรารู้ได้ยังไง จริงๆ เขาอาจจะสนใจมาตลอดนั่นแหละ แต่เขาเลือกข้าง เลือกสนับสนุนรัฐบาลที่บริหารไม่ดีเข้ามาทำงาน ถ้าเขาอยากจะเปลี่ยนแปลงจริงๆ ก็แค่ออกมาเรียกร้องไม่เห็นจะยาก แต่ที่เขาไม่ทำ เพราะเขาเลือกข้างไปแล้วหรือเปล่า
ยังมีอะไรอีกบ้างที่คุณคิดว่าวงการแฟชั่นไทยยังมองข้าม
เรามองว่าแฟชั่นไทยยังไม่ได้เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่มีโอกาสได้เข้ามาทำงานจริงๆ อาจจะมีคนโต้แย้งว่าเขาก็มีจัดประกวดนี่ แต่อย่าว่าลืมคนที่เข้ามาเป็นกรรมการก็ยังเป็นคนเดิมที่ยังไม่เปิดรับอะไรใหม่ๆ เด็กรุ่นใหม่นำเสนอไอเดียไม่ค่อยได้ เพราะกรรมการมักจะกดด้วยความเห็นแบบเก่าๆ ในแบบที่เขาคิดว่าดี ทั้งที่เรายังไม่รู้เลยว่ามันจะออกมาดีหรือเปล่า วงการแฟชั่นไทยควรจะเปิดโอกาสให้เด็กรุ่นใหม่มีพื้นที่ให้แสดงออกได้เยอะขึ้น
แต่เราเชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่เก่งมาก เก่งในระดับที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ใหญ่ในวงการก็ได้ ปัจจุบันเรามีช่องทางอยู่ในมือแล้ว เราสามารถสร้างหรือนำเสนอตัวตนของเราแบบไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเส้นสายแบบเดิมๆ แล้ว ถ้าเขาอยากจะพึ่งพาอยู่มันก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่อย่าลืมความฝันกับความตั้งใจตั้งแต่แรกของตัวเองด้วย
Post-thesis คุยกับ นะโม – ติณห์ ตันโสภณ ในวันที่ยกเลิกชุดนักเรียนอาจไม่ใช่คำตอบ
/
ทันทีที่ Key Visual สถาปนิก’ 68 เผยแพร่ออกมา บทสนทนาปลุกสัญชาตญาณนักสืบในตัวทุกคนพร้อมใจกันทำงานแบบ Autopilot และระหว่างที่ตามหาเฉลยกันจริงจัง ทุกคนเริ่มหันมาตั้งคำถามต่อว่า Art Toys เกี่ยวข้องกับธีมงานอย่างไร รู้ตัวอีกทีวงสนทนาก็กระเพื่อมขยายกว้างขึ้น ส่งสัญญาณชัดว่า Key Visual ปีนี้เปิดฉากมาแบบสนุกเอาเรื่อง โดนเส้นกันสุดๆ
/
วัลลภ รุ่งกำจัด หรือ อุ้ม นักแสดงที่เชื่อมโยงความเป็นมนุษย์กับโลกของภาพยนตร์ ผ่านการสร้างชีวิตให้ตัวละครต่าง ๆ ได้ออกมาโลดแล่นแสดงความรู้สึกทางอารมณ์ให้กับผู้ชม แม้เขาจะไม่ได้เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในวงกว้างเทียบเท่ากับนักแสดงกระแสหลัก แต่ในเวทีระดับโลก “อุ้ม” ได้พิสูจน์ตัวเองกับการเป็นนักแสดงที่มีความสามารถที่ยอมทุ่มเทหลาย ๆ สิ่ง ให้กับงานศิลปะด้านการแสดงในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้อย่างสุดตัว
/
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เราได้รู้จักกับเธอคนนี้ในชื่อของ พัด หรือที่ชอบเรียกติดปากกันว่า พัด ZWEED N’ ROLL เจ้าของเสียงทุ้มมีเสน่ห์ นักร้องและนักแต่งเพลงที่ฝากผลงานเพลงเศร้าเอาไว้ในวงการมากมาย อาทิ ช่วงเวลา, Diary, อาจเป็นฉัน และอีกมากมาย ไม่มีอะไรแน่นอนแม้กระทั่งตัวเราเอง ช่วงเวลาจึงได้พัดพาให้เรามาทำความรู้จักกับ “MAMIO” ในฐานะศิลปินใหม่จากค่าย Warner Music Thailand ซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งของคุณพัดที่ไม่เคยถูกปลดปล่อยออกมาเลยตลอดชีวิตการทำงานในวงการสิบกว่าปีที่ผ่านมา หรือถ้าจะให้ซื่อสัตย์กับตัวเองจริง ๆ ก็อาจจะเป็นทั้งชีวิตที่เกิดมาเลยเสียด้วยซ้ำ
/
Whispers เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่สะท้อนการเติบโตของวงการ Hardcore ในประเทศไทยอย่างแท้จริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงกลุ่มเพื่อนที่หลงใหลในดนตรี เพราะนอกจากจะเป็นผู้เล่น พวกเขายังเป็นกำลังสำคัญที่คอยผลักดันซีนฮาร์ดคอร์ในบ้านเรามาโดยตลอด ประสบการณ์ที่สั่งสมทำให้เกิดเป็นสไตล์เฉพาะของ Whispers สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้พวกเขาก้าวไปสู่เวทีระดับสากล ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ใต้ดินของไทย แต่เสียงคำรามของพวกเขาก็ดังไปไกลถึงทวีปยุโรป มาพบกับเส้นทางดนตรีที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและการเปลี่ยนแปลง กับวงฮาร์ดคอร์ระดับบท็อปของ Southeast Asia
/
ด้วยลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์และรูปแบบงานสักของเขา ที่เรารู้สึกแปลกประหลาดกว่างานสักอื่น ๆ (แปลกประหลาดในที่นี้คือความหมายในแง่ดีนะ) ก็เลยตัดสินใจส่งข้อความทักไปหา “พี่นัทครับ ผมขอสัมภาษณ์พี่ได้ไหม” “ได้ครับ” สั้น ๆ แต่จบ เรื่องราวทั้งหมดก็เลยเริ่มต้นขึ้นที่ร้าน CAVETOWN.TATTOO แถว ๆ ปิ่นเกล้า ซึ่งพี่นัทเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ บทสนทนาของเราเริ่มกันในช่วงเวลาบ่าย ๆ ของวันพฤหัส พอไปถึงร้านพี่นัทกำลังติดงานสักให้กับลูกค้าอยู่หนึ่งคน พอได้เห็นลายที่เขาสักต้องบอกว่าเท่มาก ๆ มันมีความเป็น Psychedelic บวกกับ Ornamental ผสมผสานกับเทคนิค Dotwork จนกลายเป็นงานศิลปะบนผิวหนังหลังฝ่ามือ เราถึงกับต้องถามคำถามโง่ ๆ กับลูกค้าที่ถูกสักว่า “เจ็บไหม” แน่นอนคำตอบที่ได้คือ “โคตรเจ็บ” เพราะจุดที่สักคือหลังฝ่ามือ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายคนร่ำลือกันว่าโคตรเจ็บ ระหว่างที่รอพี่นัทไปพลาง ๆ น้องแมคช่างภาพที่มีรอยสัก Full Sleeve เต็มแขนขวา ก็เริ่มกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปเก็บภาพระหว่างที่เขาสักไปด้วย พอสักเสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยให้พี่เขาพักผ่อนกินน้ำ ปัสสาวะ (อ่านแยกคำนะอย่าอ่านติดกัน) ก่อนจะพูดคุย แต่เดี๋ยว ! ก่อนจะเริ่มบทสนทนา เราขอเกริ่นให้ฟังซักนิดนึงเกี่ยวกับชายคนนี้ก่อน
/
ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีวงดนตรีสัญชาติไทยที่ชื่อ KIKI ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในวงที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากทั้งในประเทศไทย ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง ก็เพราะด้วยเสียงเพลงที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และการนำเสนอแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงความตั้งใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงตัวตนของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )