พูดคุยกับ “ยอนซังโฮ” ผู้กำกับหนังผู้สร้างปรากฎการณ์จักรวาลซอมบี้ให้คลั่งไปทั่วโลก | IAMEVERYTHING.CO

LOOKING ON EVERYTHING ?

EXPLORE ON EVERYTHING

พูดคุยกับ “ยอนซังโฮ” ผู้กำกับหนังผู้สร้างปรากฎการณ์จักรวาลซอมบี้ให้คลั่งไปทั่วโลก

พร้อมต่อยอดความมันส์อีกครั้ง “Train to Busan: Peninsula ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง” ถ่ายทอดคาบสมุทรเกาหลีในยุคหลังโลกล่มสลายหลังซอมบี้ระบาด

ยอนซังโฮ” ถือเป็นผู้กำกับเกาหลีหน้าใหม่ที่น่าจับตามองมากที่สุดและเป็นผู้กำกับที่ไม่เคยหยุดท้าทายความสามารถ หลังจากที่ผลงานของเขาเคยสร้างปรากฏการณ์ซอมบี้เกาหลีให้ระเบิดคลั่งมาแล้วทั่วโลก จาก Train to Busan นับเป็นการประกาศศักดาเคซอมบี้ให้โลกได้รับรู้ ทำลายทุกสถิติโดยภาพยนตร์ถูกฉายกว่า 160 ประเทศทั่วโลก ทำรายได้กว่า 140 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้มันขึ้นทำเนียบภาพยนตร์เกาหลีที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล รวมถึงภาพยนตร์อย่าง Seoul Station ที่บอกเล่าเรื่องราวต้นกำเนิดซอมบี้ด้วยแอนิเมชันเป็นจุดกำเนิดจักรวาลหนังซอมบี้เกาหลีที่ระบาดคลั่งไปทั่วโลก รวมถึงผลงานของเขายังถูกนำไปฉายเปิดในเทศกาลหนังเมืองคานส์ พร้อมกับกวาดคำชมและกระแสความชื่นชอบต่างๆจากนักวิจารณ์และผู้ชมมาอย่างมากมาย

และผลงานล่าสุดที่คอหนังและแฟนๆไม่ควรพลาดกับ “Train to Busan: Peninsula ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง” ผลงานเรื่องที่ 3 ของหนังไตรภาคเคซอมบี้ที่เล่าเหตุการณ์ 4 ปีให้หลัง Train to Busan ถือเป็นการต่อยอดการระบาดของซอมบี้ที่กลืนกินทั่วคาบสมุทรเกาหลีหลังจากทั่วทั้งภูมิภาคโดนฝูงซอมบี้เข้ายึดครอง หนังว่าด้วยเรื่องราวของชายที่หวนคืนแผ่นดินบ้านเกิด, กลุ่มผู้รอดชีวิตที่ไม่เคยจากไปไหน และกลุ่มคนวิปริตเพราะสภาพแวดล้อมอันโหดร้าย และการทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชีวิตรอดจากความบ้าคลั่งของฝูงซอมบี้ที่ดุ ไหว และสามารถสู้แสงได้มากกว่าเดิมแบบทวีคูณ

“ผมอยากเล่าเรื่องของเกาหลีของคนยุคปัจจุบันหลังการระบาดของฝูงซอมบี้ที่อยู่ทั่วทุกที่ มนุษย์ที่มีชีวิตรอดจะอยู่ยังไงในสังคมที่มีกรอบชัดเจน การรับมือกับโลกใหม่ที่แสนป่าเถื่อน ถ้าโลกที่เขาอยู่มีแต่ฝูงซอมบี้และมนุษย์ที่ไม่มีมนุษยธรรม คุณจะได้พบกับการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดของมนุษย์ในยุคหลังโลกล่มสลาย”

ยอนซังโฮกล่าว

Train to Busan ถือเป็นภาพยนตร์บล็อคบัสเตอร์ที่ประสบความสำเร็จทั่วโลก ในฐานะผู้กำกับรู้สึกกดดันแค่ไหนสำหรับการทำภาพยนตร์ Train to Busan: Peninsula

ถ้าจะบอกว่าไม่กดดันก็คงจะโกหกครับ ผมคิดว่าหลายคนคงอยากรู้เรื่องราวหลังจาก Train to Busan ตัวผมเองอยากจะตอบแทนผู้ชมมากกว่าเรื่องของความสำเร็จในการทำภาพยนตร์ภาคต่อให้ประสบความสำเร็จเท่ากับภาคแรกครับ ผมได้เปิดมุมมองใหม่ใน Train to Busan ไปแล้ว สำหรับใน Train to Busan: Peninsula ผมวางแผนไว้ว่าจะขยายมุมมองให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งอันนี้คือจุดที่ผมรู้สึกเต็มที่มากๆ การเปิดขยายมุมมองไม่ได้กดดันสำหรับผม แต่มันทำให้ผมรู้สึกสนุกมากครับ

ด้วยทุนสร้างที่สูงกว่า Train to Busan อะไรคือความแตกต่างจากภาคแรก? แล้วอะไรคือสิ่งที่คาดหวังว่าผู้ชมจะได้เห็นจาก Train to Busan: Peninsula

อย่างแรกเลยก็คือผู้ชมจะได้เข้าไปสัมผัสประสบการณ์ในพื้นที่ที่ไม่รู้จัก ที่เรียกว่า Peninsula ในช่วงเวลา 4 ปีผ่านไป กับเรื่องราวของตัวละครที่ชื่อ จองซอก ครับ ใน Train To Busan ผู้ชมจะตื่นตัวไปกับจุดเริ่มต้นของเชื้อไวรัสที่เราไม่รู้จัก ที่เกิดในสถานที่ที่เราใช้ชีวิตประจำวัน แต่สำหรับ Train to Busan: Peninsula จะเกิดในสถานที่ที่เราไม่คุ้นเคย ไม่รู้จักมาก่อน และผู้ชมก็จะมีส่วนร่วมในการสำรวจโลกนี้ไปพร้อมกับตัวละครหลัก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากครับ

ตลอดระยะเวลาในการถ่ายทำ คุณมีเหตุการณ์ความประทับใจในทำงานกับนักแสดงด้านไหนบ้าง
ประทับใจมาก เพราะผมคิดว่าภาพลักษณ์และอารมณ์ของ Train to Busan: Peninsula จะถูกถ่ายทอดผ่านนักแสดงครับ โดยรวมแล้วผมคิดว่าพวกเขาเป็นนักแสดงที่เหมาะสมกับภาพยนตร์ตามที่ผมคิดไว้ครับ ในด้านการทำงาน อย่างของ คุณคังดงวอน ที่รับบท จองซอก ก็สามารถถ่ายทอดซีนแอคชั่นได้ยอดเยี่ยม ไม่แค่เฉพาะความแอคชั่น แต่ยังใส่อารมณ์ของตัวละครลงไปในการเล่นแอคชั่นแต่ละซีนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นอารมณ์ส่วนใหญ่ใน Train to Busan: Peninsula จึงเปรียบเสมือนอารมณ์ทั้งหมดของจองซอกครับ

สำหรับ คุณอีจองฮยอน ที่รับบท มินจอง หญิงสาวที่แข็งแกร่ง มีบุคลิคเหมือนกับนักรบหญิงและยังเป็นคุณแม่ที่มีหลายคาแรคเตอร์อยู่ในคนคนเดียว ผมคิดไว้ตั้งแต่แรกว่าจะต้องเป็นคุณอีจองฮยอนคนเดียวเลยครับ เพราะผมคิดว่าการหาคนที่มีคาแรคเตอร์หลากหลายเหมือนคุณอีจองฮยอนยากมากครับ อย่างตอนที่ผมต้องการหา จุนอี ซึ่งเป็นตัวละครที่เป็นกุญแจสำคัญของเรื่อง และพวกเราก็ได้พบกับ คุณอีเร ตอนนั้นผมดีใจมาก ที่หาคนที่มีความเหมาะกับคาแรคเตอร์จุนอีได้ครับ คุณอีเรแสดงก็ออกมายอดเยี่ยมเป็นที่น่าพอใจมาก ไม่ว่าจะเป็นการแสดงฉากแอคชั่นหรือซีนอารมณ์ ผมรู้สึกขอบคุณมาก หลังจากที่ผมดูหนังจบ ผมจินตนาการไม่ออกเลยครับว่าถ้าเป็นนักแสดงคนอื่นหนังจะออกมาเป็นอย่างไร ผมรู้สึกโชคดีมากครับ

อะไรที่คุณให้ความสนใจมากที่สุดในการถ่ายทำ

จริงๆแล้วผมให้ความสำคัญและตั้งใจทำหนังเรื่องนี้ทุกส่วนเลยครับ ส่วนไฮไลท์ของหนังเรื่องนี้จะแตกต่างจากเรื่องก่อนหน้านี้ ฉากการขับรถไล่ล่าที่อยู่ในครึ่งหลังของหนัง ผมตั้งใจมาก เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกอินเหมือนได้ขับรถไล่ล่าในดินแดนหลังวันสิ้นโลกครับ

มุมมองความเป็นมนุษย์ใน Train to Busan: Peninsula มีความแตกต่างอย่างไรกับ Train to Busan

สิ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนหลังวันสิ้นโลก จะมีความขัดแย้งกับความเป็นมนุษย์โดดเด่นมากครับ มนุษย์ผ่านพ้นช่วงที่โลกพังพินาศ เราพยายามให้ภาพยนตร์ถ่ายทอดภาพและความหมายออกมาแบบนั้นครับ

การทำงานกับนักแสดงเป็นอย่างไรบ้าง

ตลอดระยะเวลาในการถ่ายทำ คุณมีเหตุการณ์ความประทับใจในทำงานกับนักแสดงด้านไหนบ้าง

รู้สึกอย่างไรที่หนังของคุณได้ถูกรับเลือกไปที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์อีกครั้ง

เทศกาลหนังเมืองคานส์คือความฝันของผมตั้งแต่ตอนเริ่มทำหนังครับ พอทางเทศกาลหนังเมืองคานส์เลือกหนังเราไปอีกครังหลังจาก Train to Busan ผมรู้สึกขอบคุณและเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ

ปิดท้ายฝากผลงานภาพยนตร์ Train to Busan: Peninsula

หนังเรื่อง Train to Busan: Peninsula เป็นหนังที่เหมาะที่จะไปดูในโรงภาพยนตร์มากๆครับ ผมคิดว่าคงจะมีใครหลายคนที่ตื่นเต้นและรอคอยกับภาพยนตร์เรื่องนี้หวังว่าทุกคนจะได้ชมผลงานของเราในโรงภาพยนตร์อย่างปลอดภัยนะครับ

เตรียมพบกับความระทึกกับแอดชั่นสุดมันส์ และฝูงซอมบี้ที่ไล่ล่าแบบดุเดือดในผลงานเรื่องล่าสุดของ “ยอนซังโฮ” ใน Train to Busan: Peninsula ฝ่านรก ซอมบี้คลั่ง 23 กรกฎาคม นี้ในโรงภาพยนตร์

    TAG
  • peninsula
  • train to busan
  • Yeon Sang-ho
  • action movie
  • Yeon Sangho

พูดคุยกับ “ยอนซังโฮ” ผู้กำกับหนังผู้สร้างปรากฎการณ์จักรวาลซอมบี้ให้คลั่งไปทั่วโลก

PEOPLE/MOVIE
5 years ago
CONTRIBUTORS
EVERYTHING TEAM
RECOMMEND
  • CULTURE&LIFESTYLE/MOVIE

    งานศิลปะที่หลอมรวมอยู่ในเนื้อกายภาพยนตร์ The Room Next Door ของ Pedro Almodóvar

    ถ้าเอ่ยชื่อของ เปโดร อัลโมโดวาร์ (Pedro Almodóvar) หลายคนอาจรู้จักเขาในฐานะผู้กํากับเจ้าของ ฉายา “เจ้าป้าแห่งวงการหนังสเปน” ที่นอกจากหนังของเขาจะเต็มไปด้วยลีลาอันจัดจ้าน เปี่ยมสีสัน เต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันแปลกประหลาดพิลึกพิลั่นพิสดารเหนือความคาดหมาย และถึง พร้อมไปด้วยศิลปะภาพยนตร์อย่างเต็มเปี่ยมแล้ว ด้วยความที่อัลโมโดวาร์หลงใหลในศิลปะอย่างลึก ซึ้ง ทําให้มักจะมีงานศิลปะปรากฏให้เห็นในหนังของเขาอยู่บ่อยครั้ง และนอกจากเขาจะหยิบงาน ศิลปะเหล่านั้นมาใช้ในหนังเพราะความหลงใหลและรสนิยมส่วนตัวอันวิไลของตัวเองแล้ว ในหลายๆ ครั้ง ผลงานศิลปะเหล่านั้นยังทําหน้าที่ในการช่วยขับเคลื่อนเรื่องราว ขับเน้นบุคลิกภาพของตัวละคร และเป็นสัญลักษณ์ที่สัมพันธ์กับเนื้อหาในหนังอย่างแนบเนียน

    Panu BoonpipattanapongJanuary 2025
  • CULTURE&LIFESTYLE/MOVIE

    Love Lies เรื่องรักจากคำหลอกของหญิงหม่ายและมิชฉาชีพ ผลงานการกำกับครั้งแรกของ Ho Miu Ki

    ท่ามกลางลิสต์ภาพยนตร์ต่อสู้ระทึกขวัญ หรือภาพยนตร์ดราม่าเรียกอารมณ์ผู้ชม ใน Hong Kong Film Gala Presentation & Dynamic Cityscapes of Hong Kong Films “งานภาพยนตร์ฮ่องกงพลังหนังขับเคลื่อนเมือง กับนิทรรศการหนังฮ่องกง” ที่เดินทางกลับมาฉายในไทยอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ยังมีภาพยนตร์กลิ่นอายโรแมนติกอีกหนึ่งเรื่อง ที่น่าจับตามองไม่แพ้กันอย่าง Love Lies ที่นำเสนอความสัมพันธ์ของแพทย์หญิงหม่าย ที่รับบทโดย Sandra Ng Kwan-Yue (อู๋จินหยู) ผู้ร่ำรวย และมีหน้าที่การงานที่ดี ซึ่งบังเอิญตกหลุมรักกับวิศวกรชาวฝรั่งเศสวัยกลางคน ที่คอยหยอดคำหวานและคำห่วงใยผ่านแชทมาให้ตลอด จนกระทั่งเธอค้นพบความจริงว่าเบื้องหลังแชทเหล่านี้เกิดขึ้นด้วยคำลวงจากฝีมือเด็กหนุ่มมิชฉาชีพ ที่รับบทโดย MC Cheung (เอ็มซีเจิ้ง) ดังนั้นเรื่องราวต่อจากนี้ในภาพยนตร์จึงเป็นการค้นหาคำตอบของเธอในสมการความสัมพันธ์ครั้งนี้ว่าจะจบลงอย่างไร

    EVERYTHING TEAM8 months ago
  • CULTURE&LIFESTYLE/MOVIE

    Nick Cheuk ผู้กำกับและนักเขียนบท Time Still Turn The Page ภาพยนตร์ทรงพลังที่ท่วมท้นด้วยคำชื่นชมจากทั้งในและนอกฮ่องกง

    ความสำเร็จด้านรายได้กว่า 100 ล้านเหรียญฮ่องกงของ A Guilty Conscience จากการกำกับของ แจ็ค อึ่ง (Jack Ng) สร้างปรากฏการณ์ใหญ่ที่นับได้ว่าเป็นความหวังใหม่ของอุตสาหกรรรมภาพยนตร์ของฮ่องกง และทำให้บรรยากาศของแวดวงนี้ดูจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในสายตาของแฟนหนังทั่วโลก พอ Hong Kong Film Gala Presentation หรือที่ในปีนี้ใช้ชื่อเต็มว่า Hong Kong Film Gala Presentation & Dynamic Cityscapes of Hong Kong Films “งานภาพยนตร์ฮ่องกงพลังหนังขับเคลื่อนเมือง กับนิทรรศการหนังฮ่องกง” ได้กลับมาจัดอีกครั้งในประเทศไทย ก็ทำให้ลิสต์ในปีนี้เต็มไปด้วยภาพยนตร์คุณภาพที่น่าจับตามองจากฝีมือการกำกับของผู้กำกับรุ่นใหม่ และจากพลังของนักแสดง

    EVERYTHING TEAM8 months ago
  • CULTURE&LIFESTYLE/MOVIE

    บทสนทนาเชิงลึกกับสองผู้กำกับหนังสารคดี Breaking The Cycle

    ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้สามารถเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะบอกเล่าแก่คนรุ่นหลังได้ว่าพวกเราซึ่งเป็นประชาชนภายในประเทศนี้ผ่านอะไรกันมา กำกับโดย “เอกพงษ์ สราญเศรษฐ์” (เอก) ผู้กำกับภาพยนตร์อิสระจากสงขลา เอกเริ่มกำกับสารคดีสั้นเกี่ยวกับความตายของ กฤษณ์ สราญเศรษฐ์ ลุงของเขาในชื่อเรื่อง “คลื่นทรงจำ” (2561) ซึ่งได้รับรางวัลสารคดีสั้นยอดเยี่ยมในงานเทศกาลภาพยนตร์สารคดีนานาชาติ DMZ ที่ประเทศเกาหลีใต้ และได้เข้าฉายในเทศกาลต่างประเทศอีกหลายแห่ง และผู้กำกับอีกคน คือ “ธนกฤต ดวงมณีพร” (สนุ้ก) ผู้กำกับภาพยนตร์และผู้กำกับภาพ ที่ได้เข้าชิงรางวัลช้างเผือกจากเทศกาลภาพยนตร์สั้นแห่งประเทศไทยครั้งที่ 21 จากเรื่อง “ทุกคนที่บ้านสบายดี” (2560) และได้รับเลือกฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติไห่ หนาน

    EVERYTHING TEAM10 months ago
  • CULTURE&LIFESTYLE/MOVIE

    งานศิลปะที่รายล้อมตัวละครในหนังทริลเลอร์จิตวิทยา Inside (2023)

    Inside (2023) หนังทริลเลอร์จิตวิทยาของผู้กำกับสัญชาติกรีซ วาซิลลิส แคตซูพิส (Vasilis Katsoupis) ที่เล่าเรื่องราวของของนีโม (วิลเลียม เดโฟ) หัวขโมยที่ลักลอบเข้าไปในเพนท์เฮ้าส์สุดหรูของสถาปนิกชื่อดัง เพื่อขโมยงานศิลปะราคาแพงที่สะสมอยู่ในนั้น แต่ดันบังเอิญโชคร้ายถูกระบบนิรภัยขังอยู่ภายในคนเดียว ท่ามกลางงานศิลปะที่อยู่รายรอบ จนเขาต้องหาทางเอาชีวิตรอดอยู่ข้างใน โดยอาศัยข้าวของรอบตัว หรือแม้แต่งานศิลปะที่อยู่ในนั้นมาใช้เป็นเครื่องมือก็ตาม เรียกได้ว่าเป็น Cast Away เวอร์ชันอาชญากรก็ได้

    Panu Boonpipattanaponga year ago
  • CULTURE&LIFESTYLE/MOVIE

    Exclusive Talk กับผู้กำกับและนักแสดงนำหญิงจาก “A Guilty Conscience” ภาพยนตร์ฮ่องกงเรื่องแรกที่ทำรายได้ทะลุร้อยล้านเหรียญฮ่องกง

    ฮ่องกง เมื่อราวสิบยี่สิบปีก่อน นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าจับตามองมาก ๆ ในฐานะประเทศที่ส่งออกภาพยนตร์ออกสู่สายตาของประชาคมโลก ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ต่อสู้กำลังภายใน ภาพยนตร์มาเฟีย หรือแม้แต่ภาพยนตร์ชีวิตที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้งของหว่องกาไว จนเรียกได้ว่าเป็นยุคทองของอุตสาหกรรมฮ่องกง แต่ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ทำให้ความคึกคักของภาพยนตร์ฮ่องกงเริ่มเงียบเหงามากขึ้นเรื่อย ๆ จนแฟนหนังฮ่องกงหลายคน ออกปากบ่นคิดถึงความรุ่งเรืองในอดีต ดังนั้นเมื่อเกิดปรากฏการณ์ความนิยมระดับ 100 ล้านเหรียญฮ่องกง ของภาพยนตร์อาชญากรรมอย่าง A Guilty Conscience ขึ้นมาแล้ว แสงที่เคยริบหรี่ก็อาจจะกลับมาสว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง

    EVERYTHING TEAM2 years ago
SIGN UP TO OUR NEWSLETTER
A Monthly update of the new issue from us
THANK YOU FOR YOUR SUBSCRIPTION

We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )