LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING
ผลงานศิลปะสุดฉาวของ
Paul McCarthy
ที่กลายเป็นเครื่องรางปลุกเซ็กส์
ประจําเมืองรอตเตอร์ดัม
เรื่อง: ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์
ในจัตุรัส Eendrachtsplein ของเมืองรอตเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ มีผลงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่กลายเป็น เหมือนแลนด์มาร์คของเมือง ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่าจนใครผ่านไปผ่านมาเป็นมองต้องเห็น และใช้เป็นที่หมายตาหรือปักหมุดการเดินทาง แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าผลงานชิ้นนี้เป็นของศิลปินที่วิตถารที่สุดในโลกศิลปะ ผู้มีชื่อว่า พอล แมคคาร์ธี (Paul McCarthy) (อย่าจําสับสนกับ พอล แม็กคาร์ตนีย์ (Paul McCartney) แห่ง The Beatles ล่ะ!) ศิลปินร่วมสมัยชาวอเมริกัน ผู้สร้างผล งานศิลปะที่เต็มไปความตลกโปกฮา บ้าบอ ไปจนถึงวิปริต วิตถาร ลามกจกเปรต ไร้ยางอาย และ น่าหวาดผวาราวกับฝันร้าย เพื่อโจมตีค่านิยมและคุณค่าทางจริยธรรมในสังคมอเมริกัน
ภาพจาก bit.ly/3MZLWmA
แมคคาร์ธีทํางานในสื่อหลากหลายแขนง ทั้งศิลปะแสดงสด, ประติมากรรม, ศิลปะจัดวาง, ภาพถ่าย, ภาพยนตร์ และจิตรกรรมแสดงสด โดยได้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมป๊อปอเมริกัน อย่าง ดิสนีย์แลนด์, หนังเกรดบี, ละครน้ําเน่า และการ์ตูน ผลงานของเขาวิเคราะห์และวิพากษ์วัฒนธรรมสื่อสารมวลชนที่ขับเคลื่อนโดยลัทธิบริโภคนิยมในสังคมอเมริกัน อันเต็มไปด้วยความปลิ้นปล้อนตอแหล, สองมาตรฐาน, เขามักหยิบเอาภาพของผู้นําประเทศผู้ทรงเกียรติ หรือตัวละครขวัญใจเด็ก ๆ ทั่วโลกมาปู้ยี่ปู้ยําจนเละเทะ
ผลงานของแมคคาร์ธีมีเป้าหมายในการสร้างความรู้สึกอึดอัดขัดข้องแก่ผู้ชม และสร้างความอื้อ ฉาวในสังคม เขาหมกมุ่นในการเปิดเผยสิ่งที่อยู่ภายใต้พื้นผิวของร่างกายมนุษย์ ทั้งเลือดเนื้อ อวัยวะภายใน ที่เป็นสิ่งน่ารังเกียจและต้องห้าม เพื่อแสดงถึงด้านมืด ความบิดเบี้ยว และไร้แก่นสารของมนุษย์
ภาพจาก bit.ly/3wXKqvp
“ผมมักสํารวจปฏิกิริยาของคนเราที่มีต่อข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความไร้สาระในการดํารงอยู่ของมนุษย์ เมื่อเรากระตุ้นให้ผู้คนเหล่านั้นตระหนักถึงข้อเท็จจริงว่า ชีวิตของเราช่างไร้สาระและไร้แก่นสารเพียงไร พวกเขาก็มักจะรู้สึกหวาดกลัวและตื่นตระหนกตกใจอย่างมาก”
ในช่วงแรกของการทํางาน แมคคาร์ธีมีชื่อเสียงจากงานศิลปะแสดงสดอันสุดอื้อฉาว ที่ใช้ทั้งของเหลวในร่างกายหรืออาหารอย่าง ซอสมะเขือเทศ, มายองเนส, เนื้อสด หรือแม้แต่อุจจาระ แทนสีในการวาดภาพอย่างสกปรกเละเทะจนชวนอาเจียน จนทําให้ไม่มีผู้ชมคนไหนทนดูการแสดงสดของเขาจนจบได้
ภาพจาก bit.ly/3meB5tj, bit.ly/3GLyFfb
ผลงานที่อื้อฉาวที่สุดชุดหนึ่งของแมคคาร์ธีคือการหยิบตัวละครยอดฮิตจากเทพนิยายดิสนีย์อย่าง สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด มาทําในเวอร์ชั่นกามวิตถาร ในผลงานศิลปะจัดวาง White Snow (2009) ที่นําเสนอเจ้าหญิงสโนว์ไวท์สามคนในเครื่องทรงสีสันแสบตา เจ้าชายรูปงามสามคนที่ดูเหมือนนักล่วงละเมิดทางเพศ คนแคระร่างยักษ์เก้าคน บางคนดูเหมือนจะสูงกว่า 6 ฟุต ทั้งหมดมีจมูกใหญ่โตราวกับอวัยวะเพศชาย และตัวละคร วอลต์ พอล ที่เหมือนถอดแบบมาจาก วอลต์ ดิสนีย์ แต่มีหนวดเหมือนฮิตเลอร์ ทั้งหมดดูเหมือนตัวละครในหนังโป๊สักเรื่องหนึ่งที่มาร่วมกิจกรรมลามกวิปริตในฉากที่วุ่นวายเละเทะ น่าสะอิดสะเอียน
สําหรับแมคคาร์ธี การ์ตูนดิสนีย์นั้นเป็นตัวอย่างอันชัดแจ้งของอุดมการณ์แบบอนุรักษ์นิยม, ความเคร่งศาสนา และวัฒนธรรมบริโภคนิยมอันล้นเกิน เพื่อต่อต้านแนวคิดเหล่านี้ ผลงานของเขามักจะ หยิบเอาสุนทรียะของสื่อลามกอย่าง หนังโป๊และหนังสือโป๊ ที่ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมอนุรักษ์นิยมอเมริกันมาใช้กับเรื่องราวอันเป็นที่นิยมในสังคมอเมริกันได้อย่างขัดแย้งสุดขั้ว
ภาพจาก bit.ly/3meB5tj, bit.ly/3GLyFfb
แมคคาร์ธียังหยิบของเล่นยอดฮิตของเด็กอเมริกันอย่าง Mr. Potato Head (ที่หลายคนอาจคุ้นตา จากหนังแอนิเมชั่นยอดฮิตอย่าง Toy Story) มาดัดแปลงเป็นตัวละคร Tomato Head (1994) ที่ห่างไกลจากความน่ารักของต้นฉบับไปไกลโข ในรูปของประติมากรรมขนาดเท่าคนจริงของตัวละครชายผู้มีหัวเป็นมะเขือเทศแดงสด สุกเต่ง แปะหูและตาของเล่นกลมกลิ้ง แถมยังใส่เสื้อยืดตัวเดียว เปลือยท่อนล่าง กลางหว่างขามีแท่งของเล่นไม้อันเขื่องห้อยอยู่โทงเทง ผลงานชิ้นนี้ของเขา สํารวจความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมสมัยใหม่, ลัทธิบริโภคนิยม และความไร้เดียงสา ด้วยการเปลี่ยนตัวละครอันเป็นที่รักและจดจําของเด็ก ๆ ทั่วอเมริกาให้กลายเป็นตัวละครผู้ใหญ่ที่ไม่น่าไว้ใจและน่าสะพรึงกลัว
ถ่ายภาพโดย ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์
กลับมาที่ผลงานต้นเรื่องที่เราไปเจอที่เมืองรอตเตอร์ดัม ผลงานประติมากรรมขนาดใหญ่ที่ดูคล้าย อนุสาวรีย์ชิ้นนี้มีชื่อว่า Santa Claus (2001) ผลงานชิ้นนี้แมคคาร์ธีหยิบตํานานคลาสสิคใน วัฒนธรรมยุโรปและอเมริกันอย่าง “ซานตาคลอส” มาปู้ยี่ปู้ยําอย่างครื้นเครงและอื้อฉาว ในรูปของประติมากรรมซานตาครอสถือต้นคริสต์มาสในมือที่ดู ๆ ไปไม่ค่อยเหมือนต้นคริสต์มาสสักเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนเซ็กซ์ทอยอย่าง “Butt plug” หรือ “จุกเสียบรูตูด” เสียมากกว่า จนดูราวกับเป็นซานตาคลอสในหนังโป๊ก็ไม่ปาน
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เราสังเกตเห็นคนในเมืองที่สัญจรผ่านไปผ่านมาตรงจัตุรัสนี้ ไม่ว่าจะเดิน หรือขี่ จักรยานผ่าน เป็นต้องเอามือลูบเท้าของรูปปั้นตัวนี้ทุกรายไป ด้วยความสงสัยเราจึงเดินไปถามไถ่ แล้วก็ได้คําตอบมาว่า ที่ทําแบบนี้ก็เพื่อขอพรให้ชีวิตเซ็กส์สดใสซาบซ่าน เพราะพวกเขามองรูปปั้น ซานตาคลอสที่ถือเซ็กส์ทอยในมือตัวนี้เป็นเครื่องรางปลุกเซ็กส์ประจําเมืองนั่นเอง ดู ๆ ไปแล้วก็น่า จะเป็นเครื่องลางที่ขลังเอาการ เพราะตรงส่วนของเท้าที่โดนลูบนั้นเป็นจุดที่ดูมันเงาแวววาวเหลืองอร่ามผิดจากส่วนอื่น ๆ ของรูปปั้น ที่เป็นสีคล้ํารมดํา แสดงว่าโดนลูบมาเยอะจริง ๆ น่ะนะ!
ภาพจาก bit.ly/3MZLWmA
ในปี 2014 แมคคาร์ธียังหยิบเอาแรงบันดาลใจจากเซ็กส์ทอย “จุกเสียบรูตูด” ที่ว่านี้มาใช้อีกครั้ง กับผลงานประติมากรรมกลางแจ้ง “Tree” บนจตุรัส ปลาส ว็องโดม (Place Vendôme) ในปารีส ประติมากรรมเป่าลมความสูง 24 เมตร รูปต้นคริสต์มาส ที่หน้าตาเหมือนจุกเสียบรูตูดสีเขียวอี๋ ขนาดมหึมาเสียมากกว่า ผลงานชิ้นนี้อื้อฉาวจนสร้างความโกรธเกรี้ยวในหมู่ชาวเมืองปารีสอย่าง มาก ด้วยความที่พวกเขาคิดว่ามันสร้างความด่างพร้อยให้กับสถานที่สําคัญทางประวัติศาสตร์ของ ชาติแห่งนี้ จนในที่สุดก็ถูกมือดีแอบเอามีดเจาะจนแฟบในเวลาสองวันให้หลัง ซึ่งแมคคาร์ธีเองก็ยืน กรานว่าให้ปล่อยให้แฟบอยู่แบบนั้นโดยไม่ต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ จนในที่สุดก็ถูกเก็บออกไป จากพื้นที่แสดงงาน เขากล่าวว่าเขาตั้งใจทําผลงานชิ้นนี้ขึ้นมาเพื่อสร้างความตลกขบขัน แต่ชาวปารีสดันไม่ยักกะอินกับมุกของเขาเหมือนชาวรอตเตอร์ดัมเสียนี่!
ในโลกศิลปะ แมคคาร์ธีเป็นเหมือนเด็กแสบเหลือขอที่ไม่มีใครคุมอยู่ ด้วยผลงานภาพถ่าย, วิดีโอ, ศิลปะแสดงสด, ประติมากรรม และศิลปะจัดวางที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของเซ็กส์, ตัณหาราคะ, ความวิปริตบิดเบี้ยว และการล่วงละเมิด เขาทําการเจาะทะลวง ชอนไช และตีแผ่ความปลิ้นปล้อนตอแหลของค่านิยมในการบูชาความสมบูรณ์แบบของครอบครัวอเมริกัน และภาพลักษณ์อันขาวสะอาด หรือแม้แต่ความเคร่งศีลธรรมจอมปลอมหน้าไหว้หลังหลอกของคริสตจักรและการเมืองอเมริกันได้อย่างแสบสันไปจนถึงรูตูดเลยก็ว่าได้ สุดท้าย ไหน ๆ ก็ได้มาเห็นผลงานชิ้นนี้ถึงที่แล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียโอกาส โอตาคุสายศิลปะอย่างเราก็เลยขอลูบเท้าของรูปปั้นเพื่อขอพรกับเขาบ้างอะไรบ้างเหมือนกัน แต่จะสัมฤทธิ์ผลอย่างที่เขาว่ากันไหม อันนี้ก็ต้องพิสูจน์กันต่อไปนะครับ ท่านผู้อ่าน
หนังสือ Art & Agenda: Political Art and Activism โดย Silke Krohn
เว็บไซต์ https://bit.ly/3x3nEkW, https://bit.ly/3GLyFfb, https://bit.ly/3azu9V3
ผลงานศิลปะสุดฉาวของ Paul McCarthy ที่กลายเป็นเครื่องราง ปลุกเซ็กส์ประจําเมืองรอตเตอร์ดัม
/
หากจักรวาลคือสิ่งที่กว้างใหญ่ไพศาลของสรรพสิ่งทั้งมวล และยังลึกซึ้งเกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจกันได้อย่างแท้จริง จักรวาลแบบนั้นก็คงจะแตกต่างจากจักรวาลใบใหม่อันแสนสนุกและเท่จัด ๆ ที่มีชื่อว่า “Gangster All Star”
/
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีกระแสดรามาในโลกออนไลน์ที่ถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องอาหารเตาถ่านเตาแก๊ส ผนวกกับภาพยนตร์ไทยยอดฮิตทางช่อง Netflix อย่าง Hunger ที่ปลุกกระแสอาหารเอเชียอย่าง ก๋วยเตี๋ยวผัด ให้โดดเด่นเป็นที่สนใจไปทั่วโลก ในตอนนี้เราเลยขอนำเสนอเรื่องราวของศิลปินที่หยิบเอาอุปกรณ์การทำครัวมาทำงานศิลปะ เพื่อสะท้อนถึงความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมระหว่างโลกตะวันออกและโลกตะวันตกได้อย่างน่าสนใจ จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินรุ่นใหม่สร้างสรรค์ผลงานสั่นสะเทือนวงการศิลปะ ศิลปินผู้นั้นมีชื่อว่า มาร์ธา รอสเลอร์ (Martha Rosler)
/
นับแต่โบราณนานมา งานจิตรกรรมถูกใช้ในการบันทึกสิ่งที่ตามนุษย์มองเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถูกใช้แทนเครื่องมือบันทึกภาพของบุคคลก่อนที่กล้องถ่ายภาพจะถูกประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมา แต่ในบางครั้งบางครา ศิลปินบางคนก็เล่นแร่แปรธาตุด้วยการใช้สิ่งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่มนุษย์มาประกอบสร้างเป็นใบหน้าหรือร่างกายของมนุษย์ได้อย่างน่าสนเท่ห์
/
TOSTEM ฉลองการก้าวเข้าสู่ปีที่ 102 พร้อมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่ร่วมส่งต่อความทรงจำสวยงามให้กับลูกค้า ภายใต้เคมเปญ “The Sensory Symphony” ถ่ายทอดความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะร่วมสร้างความสุขยั่งยืนให้กับทุกคน เริ่มต้นจากที่ TOSTEM Showroom สาขา Crystal Design Center ที่เนรมิตบรรยากาศใหม่ให้เสมือนบ้านหลังอบอุ่นที่สดชื่นสวยงาม พร้อมเปิดประตูต้อนรับทุกคนให้มีช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกัน
By TOSTEM/
จาก 762 ผลงานที่ได้รับรางวัล "Red Dot Award: Brands and Communication Design 2024" มีทั้งหมด 59 ผลงานที่ได้รับคัดเลือกให้เป็น "Best of the Best" จากนั้นจะมีเพียง 6 ผลงานเท่านั้นที่สามารถคว้ารางวัลทรงเกียรติสูงสุด “𝗥𝗲𝗱 𝗗𝗼𝘁: 𝗚𝗿𝗮𝗻𝗱 𝗣𝗿𝗶𝘅” ที่น่ายกย่องด้วยความเหนือชั้นทั้งความคิดสร้างสรรค์และคุณภาพการออกแบบที่ยอดเยี่ยม โดยปีนี้สร้างความฮือฮา เพราะเป็นปีแรกที่มีผลงานจากประเทศไทย 1 รางวัลที่สามารถผงาดคว้ารางวัลสูงสุด และได้บันทึกเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของ Grand Prix ระดับโลกเรียบร้อยแล้ว นั่นคือผลงาน JORAKAY PAVILION 2024 ออกแบบโดย DUCTSTORE the design guru
/
จาก 762 ผลงานได้รับรางวัล Red Dot Award: Brands and Communication Design 2024 มี 59 ผลงานที่ได้รับคัดเลือกให้เป็น Best of the Best แต่เพียง 6 ผลงานเท่านั้นที่สามารถคว้ารางวัลทรงเกียรติสูงสุด “Red Dot: Grand Prix” ในปีนี้ ทำให้ใคร ๆ ต่างจับจ้องไปยังทั้ง 6 ผลงานที่ได้รับยกย่องและการันตีความเหนือชั้นจาก Red Dot เวทีด้านการออกแบบระดับโลกที่มีชื่อเสียงหลายทศวรรษ
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )