LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING
เมื่อ “เวลา” คือโจทย์ในการออกแบบคาเฟ่น้องใหม่ NANA HUNTER COFFEE ROASTERS ของ โต p.s.d. ศุภรัตน์ ชินะถาวร
IAMEVERYTHING พูดคุยกับ โต ศุภรัตน์ ถึงโจทย์สำคัญของการออกแบบคาเฟ่น้องใหม่มาแรงอายุยังไม่ครบเดือนดีที่เขาบอกว่าโจทย์นั้นคือ “กาลเวลา”
โจทย์แรกสู้กับยักษ์ใหญ่
“โจทย์ที่เราได้รับไม่มีอะไรซับซ้อนเลยครับ มีอยู่โจทย์เดียวคือทำยังไงให้สู้แบรนด์ร้านกาแฟต่างชาติได้ แค่นั้นเลย คือถ้าไม่สู้กับแบรนด์ระดับนี้เราก็ไม่รู้จะทำไปทำไม ทั้งในเรื่อง สเกลร้าน เรื่องการคั่ว การสร้างประสบการณ์ให้กับคนที่มาใช้บริการ ซึ่งนี่จุดเด่นของเขาคือการสร้างประสบการณ์ใหม่ แต่ Nana Coffee เป็นแบรนด์ไทย ที่ตั้งใจอยากไปสู้กับเขา แต่เขาจะรับสู้หรือเปล่าเราก็ไม่รู้นะ (หัวเราะ) เอาเป็นว่าเราคิดว่าก็ไม่ได้ด้อยกว่าเขา พี่กุ้งชาย (วรงค์ ชลานุชพงศ์) เจ้าของ Nana Coffee Roasters เขาก็อยากทำตรงนี้ ทีนี้พอโจทย์คือจะสู้กับเจ้าพ่อแห่งวงการกาแฟระดับโลก คอนเส็ปต์ในการออกแบบของผมก็เลยอยากจะลองพูดเรื่องโลกของกาแฟที่มีทั้งโลกเก่า โลกกลาง โลกใหม่ หรือที่พูดกันเรื่อง Third Wave หรือแม้แต่ Forth Wave ก็ตาม เราก็เลยออกแบบไอคอนของร้านให้เป็นโลกสามใบแขวนอยู่บนเพดานร้าน เป็นตัวแทนของโลกกาแฟทั้งสาม โลกเก่า โลกกลาง โลกใหม่ ซึ่งโลกกลางเป็นตัวแทนของปัจจุบันนี้แหละ เราเลยออกแบบให้โลกกลางนี้ใหญ่ที่สุดและกำลังหมุนอยู่ อันนี้เป็นกิมมิกที่เราต้องการสื่อออกไป
“ทีนี้พอเราอยากนำเสนอว่าคนไทยไม่แพ้ใครในเรื่องกาแฟ ผมก็เลยคุยกับพี่กุ้งชายว่า งั้นเอาโรงคั่วมาไว้ในนี้เลยก็แล้วกัน คนที่มากินจะได้เห็นการคั่วกาแฟจริงๆ ไปเลย เพราะพี่กุ้งชายแกมาประจำที่นี่อยู่แล้ว การออกแบบพื้นที่นอกจากทำเคาน์เตอร์ชงกาแฟแล้วก็ยังมีพื้นที่ให้ Roasters ได้ทำงาน มีชั้นวางกระสอบเมล็ดกาแฟจริงๆ ที่เอาไว้คั่วตั้งอยู่ในร้าน ที่คนชอบไปถ่ายรูปกับกระสอบซ้อนๆ กันนั่นเมล็ดจริงๆ นะครับ เราออกแบบไว้ใช้งานจริงเลย ไม่ได้ทำไว้เพื่อถ่ายรูปสวยอย่างเดียว (หัวเราะ)”
โจทย์ต่อไปคือทำของใหม่ให้มีกาลเวลา
“ธีมในการออกแบบภาพรวมในร้านนั้นเราเน้นการ “Aging” หรือการทำให้ภาพโดยรวมทุกอย่างดูเก่า ผ่านกาลเวลาเป็นหลัก ทั้งที่พื้นที่จริงๆ มันไม่ได้เก่าขนาดนั้น พื้นที่ตรงนี้เดิมทีเป็นโรงงานขนมปังที่เพิ่งสร้างเสร็จแล้วเขาปล่อยร้าง มันก็ยังไม่ได้เก่ามากมายอะไร เราก็ต้องมาทำทุกอย่างให้มันดูเก่า สนิมที่คุณเห็นในเหล็กพวกนี้นี่เราทำเอง เอามาผ่านกระบวนการทำให้มันเป็นสนิม กัดกรดจนเป็นสนิมทั้งหลังแล้วกดหยุด ไม่ทุกแผ่นที่เห็นว่ามันเก่า จริงๆ มันไม่ได้เก่าเราเอามาเผาให้ดูเหมือนไม้เก่า แม้แต่ตัวหนังสือที่อยู่บนแผ่นไม้เราก็พ่นเสร็จแล้วก็ขูดออก ทำให้มันดูเหมือนว่าผ่านเวลามา ให้รู้สึกเหมือนว่านี่คือผนังเก่า เราอยากให้คนที่เดินเข้ามาแล้วถามว่าร้านนี่เปิดมานานหรือยัง (หัวเราะ)
“การออกแบบ seating และบาร์ ก็เป็นสิ่งที่ผมได้ทดลองอะไรใหม่ๆ เพราะอย่าลืมว่าเสน่ห์ของร้านกาแฟคือบาร์ เวลาออกแบบร้านกาแฟ ผมจะมีคำถาม 2-3 ข้อ คือบาร์มันควรจะมีขนาดสักเท่าไหร่ และถ้าทำให้มันใหญ่ที่สุดเนี่ยใหญ่ได้แค่ไหน หรือมุมไหนที่เห็นบาร์ได้สวยที่สุด คำถามทั้งหมดนี้ผมทดลองเอามาใช้กับที่นี่หมดเลย ผมก็เลยสร้างชั้นสองขึ้นมาเพื่อให้คนได้เดินขึ้นมาข้างบนและก้มมองลงไปเห็นภาพรวม”
มองเห็นรายละเอียดที่ไม่มีใครมองเห็น
“ส่วนเรื่องภาพรวมอื่นๆ ภายในร้าน ผมอยากทดลองกับรายละเอียดต่างๆ เช่น เราออกแบบเลย์เอาต์ของร้านให้ดูบังเอิญ เป็นการรื้อทฤษฎีการออกแบบใหม่หมด เราต้องการให้คนที่มารู้สึกเหมือนว่า ร้านนี้เคยผ่านเวลามานาน ผ่านเรื่องราวอื่นๆ มาก่อนจะเป็นร้านกาแฟที่คุณเห็นอยู่นี้ ผมเรียกว่าเป็นแนวบังเอิญ ลองสังเกตว่าจุดบางจุดเราจัดแปลนมารอบหนึ่งก่อนแล้วทำลายมัน ให้ดูเหมือนบังเอิญทำร้านใหม่ทับร้านเดิมที่เจ๊ง (หัวเราะ) ทั้งที่ความเป็นจริงพื้นที่นี้เราสร้างใหม่ขึ้นมาหมด ผมอยากสร้างเรื่องรางแบบนี้ให้กับร้าน เพื่อทดลองดูว่าการทำให้มันมีช่วงเวลาหรือ “Aging” ที่ว่านี้มันทำงานยังไงกับคนบ้าง
“นอกจากนี้ก็เป็นพวกรายละเอียดเล็กๆ ที่คนมองไม่เห็น อย่างเช่นผมสลักตัวหนังสือสีทองที่บรรยายความหมายของกาแฟโลกเก่า โลกกลาง โลกใหม่ ในมุมมองของคนคั่วไว้รอบบาร์โดยที่ไม่บอกใครด้วย ลูกค้าไม่สังเกตจะไม่เห็น และยิ่งนานๆ ไปตัวหนังสือนี้มันเจอมือคนจับ เจอเหงื่อ เจอถู เจออะไรต่างๆ มันจะค่อยๆ เลือนไปเอง ผมก็เลยใส่รายละเอียดเหล่านี้ลงไป โดยหวังว่าลูกค้าที่มาจะเห็นมัน แต่ถ้าไม่เห็นก็ไม่เป็นไร ที่ผมเล่นกับเรื่องช่วงเวลาแบบนี้เพระอยากให้มันรายละเอียด ผมรู้สึกว่าร้านกาแฟสมัยนี้มันกริบเนี้ยบจังเลย ทุกอย่างมันทำมาให้ถ่ายรูปออกมาแล้วสวย แต่ผมรับรองว่าที่นี่ถ่ายรูปยังไงคุณก็ถ่ายได้ไม่หมด เพราะมันมีดีเทลซ่อนอยู่ตามซอกหลืบเต็มไปหมด คุณมาซ้ำแล้วยังพบว่ามีสิ่งที่คุณไม่เห็นในครั้งแรกอะไรแบบนั้น”
เมื่อ “เวลา” คือโจทย์ในการออกแบบคาเฟ่น้องใหม่ NANA HUNTER COFFEE ROASTERS ของ โต p.s.d. ศุภรัตน์ ชินะถาวร
/
หากคุณเป็นคนยุค 90’s คุณน่าจะรู้จัก หนึ่ง–เกรียงไกร วงษ์วานิช ในฐานะนักแต่งเพลงและมือกีตาร์ของ Friday วงดนตรีที่มีเพลงฮิตมากมาย และถ้าคุณเป็นคนนักฟังเพลงยุค 2000’s คุณก็น่าจะจำได้ว่า เกรียงไกร มีอัลบั้มเดี่ยวภายใต้ชื่อ Sleeper One ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นงานเพลงร็อคไซคีเดลิกที่ยอดเยี่ยมอีกชุดหนึ่ง เช่นเดียวกับที่เขาทำค่ายเพลงอิสระในนาม “No More Belt” และเป็นโปรดิวเซอร์ไปด้วย ปัจจุบัน หนึ่ง-เกรียงไกร หรือ หนึ่ง Sleeper One ยังคงทำเพลงอย่างต่อเนื่องและย้ายฐานที่มั่นไปอยู่ที่อำเภอหางดง เชียงใหม่ เป็นเวลาหนึ่งทศวรรษแล้ว ล่าสุดเขาและเพื่อนร่วมกันทำ “Asleeper Cafe and Campground Hangdong Cnx.” ร้านกาแฟ ที่เป็นแคมป์กราวนด์ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบบรรยากาศแคมปิ้ง กาแฟหอมกรุ่น อากาศสดยื่นและเสียงเพลงโฟลค์ที่เพิ่งเปิดตัวในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ซึ่งเขาบอกกับเราว่าทั้งหมดนั้นคือส่วนผสมกลมกล่อมของชีวิตของเขาในตอนนี้
/
คุณเก๋ ปณวรรธน์ ประภาศิริ หุ้นส่วนและผู้ออกแบบ Patina Bangkok ร้านกาแฟแห่งใหม่ย่านตลาดน้อย ผู้หลงใหลและเคารพในสถาปัตยกรรมเก่า ปรับตัวและเรียนรู้ศาสตร์ของ Photogenic กับการตกแต่งร้านให้ถ่ายรูปสวยได้ทุกมุม พร้อมซึมซับกับเสน่ห์ของบ้านจีนโบราณ ที่ยังคงร่องรอยหลุดร่อน คราบ หรือ “Patina” ที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวตามกาลเวลาไว้ภายใต้แนวคิดการออกแบบ
/
สิ่งแรกที่ประทับใจในร้านกาแฟแห่งนี้ คือเสียงเพลงแจ๊สจากแผ่นเสียงที่เปิดคลอเป็นแบล็คกาวน์ ส่วนความประทับใจต่อมาคือ ความเรียบง่าย สะอาดตา ของของทุกอย่างภายในร้านที่ถูดจัดแจงอย่างเป็นระบบระเบียบ ซึ่งทำให้เราใจเย็นขึ้น สงบขึ้นเหมือนได้ตัดตัวเองจากความวุ่นวายภายนอก ลำดับต่อไปคือ ความหอมของกาแฟที่ยิ่งทำให้เราผ่อนคลาย เป็นวินาทีที่เรียบง่ายและได้คุณภาพจาก ร้านกาแฟ Blackhills ที่เราอยากแนะนำให้คุณรู้จัก
/
แม้คอกาแฟรู้จักชื่อ “หมู-Bottomless” หรือ นพพล อมรพิชญ์ปรัชญา เป็นอย่างดีในฐานะบาริสต้าผู้มีฝีมือการทำลาเต้อาร์ตหาตัวจับยากของไทย (เจ้าของรางวัล First Runner up Thailand National Siphonist Championship 2018) และยังเป็น Roaster ชั้นนำของประเทศ แต่ถ้าไปถามเขาว่า ร้านกาแฟ Bottomless ซึ่งอยู่ที่ซอยไทรทอง ย่านสนามบินน้ำ เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมาทำให้เขาเป็นมืออาชีพหรือยัง หมู Bottomless จะส่ายหัวแล้วตอบว่ายัง นั่นทำเพื่อสนองความต้องการของตัวเองเฉยๆ
/
Arch เป็นคาเฟ่แห่งใหม่ติดรถไฟฟ้าสถานีปุณณวิถี ตั้งอยู่พื้นที่ชั้นหนึ่งของโรงแรม E11 ที่รีโนเวทจากอาคารเก่าโดยนำเอกลักษณ์ของซุ้มหน้าต่างคู่ทรงโค้งที่เป็นฟาซาดของอาคารเดิมมาสร้างเสน่ห์ใหม่ให้กับที่นี่ ตั้งแต่กำแพงโค้งหน้าร้าน จนถึงเส้นสายโค้งภายในที่เชื่อมโยงต่อเนื่องแต่ละสเปซเกิดเป็น Series of arch way ที่โดดเด่นของ Arch
/
EVERYTHING ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ก่อตั้งแบรนด์ co-incidence ที่หลายคนอาจจะรู้จักว่า co-incidence เป็นร้านกาแฟฟีลดี บรรยากาศสุดชิลล์ในซอยสุขุมวิท 49 ซึ่ง “คุณเปิ้ล-ถนอมขวัญ ชุติธนวงศ์” ได้มาเล่าที่มาที่ไปของพื้นที่แห่งนี้ให้เราฟังอย่างเป็นกันเอง ทั้งเรื่องของการทำแบรนด์และเรื่องของอาหารการกิน ที่ทำให้เราได้แง่คิดว่า การเป็นเรื่องดีๆ ของสังคมนั้นไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศ และถ้าคุณกำลังสนใจเกี่ยวกับเรื่องการออกแบบหรืออาร์ตที่ไม่ได้เรียกร้องความสนใจ คุณคงจะรู้สึกอินกับ co-incidence เหมือนๆ กับเรา
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )