LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING
ทำความรู้จักกับ DJ. IYY
กับแนวทางเฉพาะตัวในสาย Tech House
เพียงแค่ผลักประตูเข้าไปในคลับดีเจแห่งหนึ่ง แสง Laser และ Beam Light ก็พุ่งเข้าใส่พร้อมกับเสียงเบสของ Tech House เข้ามาเร้าอารมณ์ความรู้สึกจนอยากจะขยับไปตามเสียงที่ได้ยิน ซึ่งท่ามกลางการเกิดขึ้นของดีเจหน้าใหม่ที่ไม่ซ้ำกันในช่วงนี้ เราก็พบว่าเสียงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ในแนว House และ Techno ของดีเจคนหนึ่งสามารถปลดปล่อยผู้คนให้เข้าสู่จังหวะการเคลื่อนไหวที่สนุกสนานและมีพลังงานได้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เขาคือ “DJ IYY” อีกหนึ่งดีเจในวงการดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ “Tech House” ในปัจจุบัน
IYY หรือ “ไอย์-นัยวินิต ลิมปิชาติ” คือดีเจหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม “เท้าไฟ” ที่ประกอบด้วยตัวเขากับเหล่าผองเพื่อนดีเจ อย่าง WILDEALER, PUNTUE และ WISAS กลุ่มดีเจที่เปิดเพลงจัดปาร์ตี้ในแบบของตัวเองตามคลับในเมือง อาทิ Decommune และ Never Normal ซึ่งจริง ๆ แล้ว IYY ไม่ใช่ดีเจหน้าใหม่ เพราะอยู่ในวงการนี้มาเกินสิบปีแล้ว และผ่านงาน Dj Festival มาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น DIAGE Festival, 808 Festival, Together Festival รวมทั้งได้เป็น Line-up เปิดให้กับ Peggy Gou ที่ได้มาเล่นงานล่าสุดที่กรุงเทพอีกด้วย ถือเป็นดีเจที่ค้นพบแนวเพลงที่เป็นตัวเองและจังหวะดนตรีอันมีพลัง
ประสบการณ์ฟังเพลงที่ผู้คนจะได้ฟังสิ่งที่แตกต่างจากเคย
“เพลงที่ทุกคนเปิด หรือเพลงที่เวลาเราไปผับไหนบาร์ไหนแล้วเขาเปิดกันเหมือนกันทุกที่ ผมจะไม่เปิด” ไอย์บอกถึงจุดยืนของเขาที่อาจจะต่างจากดีเจทั่วไปที่ยอมเปิดเพลงตามใจผู้ฟัง “ผมไม่ได้เปิดเพลงเอาใจคนฟัง แต่เปิดเพลงเพื่อบ่งบอกว่าตัวตนผมเป็นยังไง ดังนั้นผมจะเปิดเพลงที่ผมเลือก เพราะถ้าคุณฟังแต่เพลงที่เคยฟัง ที่รู้จัก แบบนั้นคุณจะเปิดฟังเมื่อไหร่ก็ได้ คุณไม่อยากเปิดมุมมองอะไรใหม่ ๆ ฟังเพลงใหม่ ๆ หรอ เพราะดีเจก็ตั้งใจหาเพลง คัดสรรเพลงมาให้คุณได้เปิดหูเปิดตา ไม่ใช่มาฟังแต่เพลงเดิม ๆ หรือสนุกแต่กับเพลงเดิม ๆ ไม่เบื่อหรอ” นี่คือแกนหลักที่อยู่ภายใต้แนวเพลงสาย Tech House ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาเวลาทำหน้าที่เปิดดนตรีให้จังหวะเร้าความสนุกในแต่ละค่ำคืน ไม่ว่าจะเป็นวันอังคาร ที่ร้าน 12 x 12, วันพุธ ที่ร้าน Clutch BKK, วันพฤหัสบดี ที่ร้าน SIWILAI RADICAL CLUB หรือจะเป็นการเปิดเพลงประจำในฐานะ Resident DJ ที่ NEVER NORMAL ถ้าใครจะอยากลองตามไปฟังแต่ละที่ที่เขาเปิดก็ไม่ต้องกลัวว่าจะได้ฟังเพลงซ้ำกัน เพราะดีเจไฟแรงคนนี้มีลิสต์เพลงมหาศาลที่เก็บไว้ในคลังเพลง อีกทั้งยังกล้าพูดเต็มปากได้ว่า “ถ้าผมเคยเล่นเพลงนี้ในงานนี้แล้ว งานต่อไปผมก็ไม่อยากเล่นแล้ว ก็จะหาเพลงใหม่ ๆ ไปเรื่อย นาน ๆ ทีจึงจะวนกลับมาเปิดอีกแล้วแต่โอกาส”
ย้อนสู่เส้นทางการเลือกเป็นดีเจ IYY
ต้องย้อนไปตั้งแต่สมัยก่อนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยด้าน Communication Art ที่ BUIC หลักสูตรนานาชาติ ม.กรุงเทพ ที่ไอย์ยังใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นทั่วไป คือฟังเพลง และเที่ยวผับบาร์ จนวันหนึ่งที่เห็นดีเจเปิดเพลง และเริ่มรู้สึกท้าทายอยากได้ลองเปิดเพลงเองบ้าง จากนั้นเลยไปลงเรียนคอร์สดีเจ เพื่อเรียนรู้พื้นฐานการทำงานของเครื่อง และการเปิดมิกซ์เพลง ก่อนกลับมาฝึกฝนและพัฒนาทักษะของตัวเอง “ตอนแรกผมชอบฟังเพลง Hiphop ก็เปิดแต่แนวนี้ จนได้ไปผับที่โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ รัชดา ซึ่งเปิดเพลงแนวเพลง Electronic จากนั้นก็ไม่เปิดแนว Hiphop อีกเลย หันมาเปิด Electronic แทน”
แนวเพลงแต่ละยุคของ IYY
ไอย์เล่าว่าเริ่มเปิดเพลงแนว House และ Trance ผสมกัน หลังจากนั้นยังเคยตามกระแสตลาดช่วงหนึ่งที่ฮิตแนว EDM อยู่บ้าง แต่ไม่นานก็ค้นพบว่า EDM ไม่ตอบโจทย์ความเป็นตัวเขาที่ชอบแสวงหาอะไรใหม่ ๆ “พอเปิดแนว EDM สักพักก็ว่ารู้สึกเพลง EDM เหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม (จนปัจจุบันเพลง EDM ก็ยังเปิดเหมือนเดิมอยู่) ผมเลยเริ่มหาอะไรใหม่ ๆ จนได้มารู้จัก Tech House ตอนไปอยู่อังกฤษ เพราะที่อังกฤษไม่มีที่ไหนเปิด EDM ส่วนใหญ่แนว EDM จะเปิดในคลับธรรมดา ที่เปิดเพลง Hiphop Top 40 อะไรแบบนั้น คือมิกซ์รวมกันหมดเป็นแบบ Commercial แต่ถ้าไปคลับจริง ๆ เขาเปิดพวก House-Techno ก็คือตั้งแต่ไปเที่ยว Fabric London ครั้งแรก ผมก็เปลี่ยนมาชอบ House-Techno เลย” ดังนั้นซาวน์เพลงที่ไอย์เล่นจึงได้รับรับอิทธิพลจากฝั่งยุโรปมากกว่าฝั่งอเมริกาที่เป็นต้นกำเนิดเพลง House
“ประสบการณ์การเที่ยวคลับที่ลอนดอนนั้นทุกอย่างลงตัวทั้งบรรยากาศ สถานที่ ผู้คน จนถึงเพลง เพราะส่วนตัวผมชอบปาร์ตี้ เข้าไปในที่มืด ๆ มีไฟสลัว มีดีเจ มีเพลง เครื่องเสียงดี ๆ คนสนุก เต้นอย่างเดียว ซึ่งถ้าไม่ไปเจอบรรยากาศของจริงก็จะไม่รู้เลยว่ามันสนุกยังไง” ในระหว่างที่ไอย์เรียนต่อปริญญาโทด้าน Marketing อยู่ที่อังกฤษ 3 ปี ช่วงกลางคืนเขาก็รับงานดีเจที่คลับไทยด้วย แต่จุดเริ่มต้นที่เขาได้เปิดเพลงแนว House Techno จริงจัง เป็นช่วงหลังจากกลับมาไทยในปี 2017-2018 “สมัยก่อนผมเคยเปิดเพลงที่ BEAM ช่วงนั้นร้านยังเปิดแนว House Techno แต่พอเขาเปลี่ยนแนว ผมก็ไม่ได้ไปเล่นแล้ว แต่ตอนนี้ก็มีร้าน Never normal ที่ผมเป็น Resident DJ เปิดประจำอยู่”
การหาเพลงใหม่ ๆ มาเติมคลังเพลย์ลิสต์
“เพราะผมมองว่าการเปิดเพลงที่คนไม่เคยฟัง ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน มันเท่กว่านะสำหรับผม ดังนั้นผมต้องฟังเพลงเยอะมาก ฟังได้ทุกอย่าง ชอบหมดทุกแนวเพลง แต่ผมจะเลือกเปิดเฉพาะเพลงที่ผมชอบ ที่เป็นตัวผม แล้วก็จะผมหาเพลงใหม่ตลอด ผมโชคดีด้วยที่มีเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่ทำเพลงเก่ง และมีเพลงของตัวเองที่ทำไว้ไม่ได้ให้ใคร ซึ่งแน่นอนว่าไปตามหาฟังที่ไหนไม่ได้ แล้วก็มีเพลงจากค่าย More Rice Records ซึ่งสำหรับผมถือว่าเป็นลูกพี่เลย และอีกค่ายเพลงคือ Pissawong Records ที่เป็นเพลง Electronic ของคนไทยที่ทำเอง”
ลายเซ็นของ IYY ในสาย Tech House
“ต้องบอกว่า Tech House สมัยนี้ก็มีที่เปิดเพลงแนวตลาด ๆ ไปเลย แต่ของผมเป็น Tech House จริง ๆ คือ ของจริง ไม่ใช่มี EDM มานิด ๆ หน่อย ๆ ในเซ็ตเพลงของผมจะมีตั้งแต่ House, Hip House, Tech House, Minimal และ Techno คือเล่นผสมกันหมด แต่ก็ขึ้นอยู่กับหน้างานและอารมณ์ตอนนั้นอีกที แต่ตอนนี้ผมกำลังหาเพลงเก่า ๆ มาเล่น อย่างเพลงปี 90s เพราะมันมีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครรู้จัก ดังนั้นคนที่ฟังเพลงเยอะ ๆ พอดนตรีขึ้นมา จะรู้ได้เลยว่าดีเจคนนี้มาเปิดแล้ว มีโทนที่เป็นเอกลักษณ์ เพราะดีเจแต่ละคนก็เหมือนศิลปินที่มีลายเซนต์ของตัวเอง” ในฐานะคนทำงานแวดวงนี้ เขาเองก็มีดีเจที่ชื่นชมในฝีมืออยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็น Seth Troxler, Craig Richards หรือถ้าเป็นคนไทยก็คือ DOTT ที่เป็นเพื่อนในวงการเดียวกัน
ถามถึงความสนุกในเส้นทางสายดีเจ ไอย์ตอบว่า “ไม่มีเบื่อ และถ้าให้เปิดเพลง ผมขออย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงนะ” ตั้งแต่ดึกดื่นยันเช้าเขาก็พร้อมจัดเต็มที่ให้ทุกคนได้ดื่มด่ำกับความสนุกจากเพลงจังหวะเร้าสายเท่ที่หาฟังได้ไม่กลาดเกลื่อนจากเซ็ตเพลงของเขา ขอแค่ว่าให้ในไทยเรามีพื้นที่ให้ดีเจได้โชว์ฝีมือมากกว่านี้ ในขณะเดียวกันก็อยากให้คนฟังลองออกจากกรอบเพลย์ลิสต์เพลงตลาดดูบ้าง
ลองเปิดฟังเพลย์ลิสต์นี้ของเขาล่ะกัน
ทำความรู้จักกับ DJ. IYY กับแนวทางเฉพาะตัวในสาย Tech House
/
ทันทีที่ Key Visual สถาปนิก’ 68 เผยแพร่ออกมา บทสนทนาปลุกสัญชาตญาณนักสืบในตัวทุกคนพร้อมใจกันทำงานแบบ Autopilot และระหว่างที่ตามหาเฉลยกันจริงจัง ทุกคนเริ่มหันมาตั้งคำถามต่อว่า Art Toys เกี่ยวข้องกับธีมงานอย่างไร รู้ตัวอีกทีวงสนทนาก็กระเพื่อมขยายกว้างขึ้น ส่งสัญญาณชัดว่า Key Visual ปีนี้เปิดฉากมาแบบสนุกเอาเรื่อง โดนเส้นกันสุดๆ
/
วัลลภ รุ่งกำจัด หรือ อุ้ม นักแสดงที่เชื่อมโยงความเป็นมนุษย์กับโลกของภาพยนตร์ ผ่านการสร้างชีวิตให้ตัวละครต่าง ๆ ได้ออกมาโลดแล่นแสดงความรู้สึกทางอารมณ์ให้กับผู้ชม แม้เขาจะไม่ได้เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในวงกว้างเทียบเท่ากับนักแสดงกระแสหลัก แต่ในเวทีระดับโลก “อุ้ม” ได้พิสูจน์ตัวเองกับการเป็นนักแสดงที่มีความสามารถที่ยอมทุ่มเทหลาย ๆ สิ่ง ให้กับงานศิลปะด้านการแสดงในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้อย่างสุดตัว
/
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เราได้รู้จักกับเธอคนนี้ในชื่อของ พัด หรือที่ชอบเรียกติดปากกันว่า พัด ZWEED N’ ROLL เจ้าของเสียงทุ้มมีเสน่ห์ นักร้องและนักแต่งเพลงที่ฝากผลงานเพลงเศร้าเอาไว้ในวงการมากมาย อาทิ ช่วงเวลา, Diary, อาจเป็นฉัน และอีกมากมาย ไม่มีอะไรแน่นอนแม้กระทั่งตัวเราเอง ช่วงเวลาจึงได้พัดพาให้เรามาทำความรู้จักกับ “MAMIO” ในฐานะศิลปินใหม่จากค่าย Warner Music Thailand ซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งของคุณพัดที่ไม่เคยถูกปลดปล่อยออกมาเลยตลอดชีวิตการทำงานในวงการสิบกว่าปีที่ผ่านมา หรือถ้าจะให้ซื่อสัตย์กับตัวเองจริง ๆ ก็อาจจะเป็นทั้งชีวิตที่เกิดมาเลยเสียด้วยซ้ำ
/
Whispers เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่สะท้อนการเติบโตของวงการ Hardcore ในประเทศไทยอย่างแท้จริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงกลุ่มเพื่อนที่หลงใหลในดนตรี เพราะนอกจากจะเป็นผู้เล่น พวกเขายังเป็นกำลังสำคัญที่คอยผลักดันซีนฮาร์ดคอร์ในบ้านเรามาโดยตลอด ประสบการณ์ที่สั่งสมทำให้เกิดเป็นสไตล์เฉพาะของ Whispers สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้พวกเขาก้าวไปสู่เวทีระดับสากล ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ใต้ดินของไทย แต่เสียงคำรามของพวกเขาก็ดังไปไกลถึงทวีปยุโรป มาพบกับเส้นทางดนตรีที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและการเปลี่ยนแปลง กับวงฮาร์ดคอร์ระดับบท็อปของ Southeast Asia
/
ด้วยลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์และรูปแบบงานสักของเขา ที่เรารู้สึกแปลกประหลาดกว่างานสักอื่น ๆ (แปลกประหลาดในที่นี้คือความหมายในแง่ดีนะ) ก็เลยตัดสินใจส่งข้อความทักไปหา “พี่นัทครับ ผมขอสัมภาษณ์พี่ได้ไหม” “ได้ครับ” สั้น ๆ แต่จบ เรื่องราวทั้งหมดก็เลยเริ่มต้นขึ้นที่ร้าน CAVETOWN.TATTOO แถว ๆ ปิ่นเกล้า ซึ่งพี่นัทเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ บทสนทนาของเราเริ่มกันในช่วงเวลาบ่าย ๆ ของวันพฤหัส พอไปถึงร้านพี่นัทกำลังติดงานสักให้กับลูกค้าอยู่หนึ่งคน พอได้เห็นลายที่เขาสักต้องบอกว่าเท่มาก ๆ มันมีความเป็น Psychedelic บวกกับ Ornamental ผสมผสานกับเทคนิค Dotwork จนกลายเป็นงานศิลปะบนผิวหนังหลังฝ่ามือ เราถึงกับต้องถามคำถามโง่ ๆ กับลูกค้าที่ถูกสักว่า “เจ็บไหม” แน่นอนคำตอบที่ได้คือ “โคตรเจ็บ” เพราะจุดที่สักคือหลังฝ่ามือ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายคนร่ำลือกันว่าโคตรเจ็บ ระหว่างที่รอพี่นัทไปพลาง ๆ น้องแมคช่างภาพที่มีรอยสัก Full Sleeve เต็มแขนขวา ก็เริ่มกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปเก็บภาพระหว่างที่เขาสักไปด้วย พอสักเสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยให้พี่เขาพักผ่อนกินน้ำ ปัสสาวะ (อ่านแยกคำนะอย่าอ่านติดกัน) ก่อนจะพูดคุย แต่เดี๋ยว ! ก่อนจะเริ่มบทสนทนา เราขอเกริ่นให้ฟังซักนิดนึงเกี่ยวกับชายคนนี้ก่อน
/
ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีวงดนตรีสัญชาติไทยที่ชื่อ KIKI ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในวงที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากทั้งในประเทศไทย ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง ก็เพราะด้วยเสียงเพลงที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และการนำเสนอแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงความตั้งใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงตัวตนของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )