LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING
ผมนั่งเขียนบทความเรื่องราวของผมในอู่เล็กๆ แห่งหนึ่งที่แทรกตัวอยู่ในซอยแคบๆ แถวลาดพร้าว เสียงทีวีที่กำลังถ่ายทอดสดกีฬาดังอยู่ข้างหลังของผม ผสมกับเสียงเครื่องมือที่กระทบกับโลหะบางอย่างที่อยู่ในรถยนต์สักคัน เจ้าของอู่เป็นชายรุ่นราวคราวเดียวกับน้องชายของเพื่อนผม เรารู้จักกันมานาน เท่าที่รถเก๋งร้ายๆของผมจะพัง นับวันแรกที่ผมรับรถมือสองด้วยหัวใจพองโต ถัดจากนั้นอีกสักสองอาทิตย์ผมก็เข้ามาที่นี้ และนานๆ ครั้งก็เข้ามาเพื่อดูแลรักษาหัวใจร้ายๆ ของเจ้าเมอร์เซเดสที่มีอายุกว่า 30 ปี
เสียงของมอเตอร์ไซค์รับจ้างผ่านไปมาไม่ขาดสาย มันทำให้ผมกลับไปวันที่ผมกำลังควบเจ้า Versys X 250 ลุยเข้าไปในป่าดงดิบ หรือเรียกได้ว่าป่าดิบชื้นที่น่าทึ่ง เส้นทางที่ว่าถูกสำรวจไว้เมื่อ 6 เดือนก่อนการแข่งขัน Rimba Raid / Jungle Rally 100 km. เส้นทางที่ท้าทาย 1 ใน 3 ของเส้นทางคือขบวนรถขนซุงที่น่าเกรงขาม ทิ้งร่องรอยลึกระดับครึ่งนึงของล้อ 19” ถ้าหลุดลงไปมีหักแน่นอน การแข่งขันครั้งนี้ แค่ฟังชื่อก็ท้าทายจนผมต้องต่อสายตรงไปยัง Italy เพื่อพูดคุยกับคุณ Joseph บอสใหญ่แห่ง GIVI ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก

นั่นคือที่มาของการเดินทางในครั้งนั้น สายสัมพันธ์อันดีก็ค่อยๆงอกงาม ผมได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ด้วยเกียรติและความไว้วางใจ สุดท้ายคือเรื่องราวที่กำลังจะเล่าให้ฟัง นั่นคือการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ของใครหลายๆคน “Rimba Raid 2018” ที่จัดขึ้นที่ Mat Daling ประเทศมาเลเซีย
ผมคือช่างภาพคนไทยคนเดียวที่เข้าร่วม เป้าหมายของผมคือพยายามเก็บภาพของเพื่อนนักแข่งชาวไทยที่มีกว่า 20 ท่านที่เดินทางมาแข่งขัน ทุกคนมาด้วยทุนของตัวเอง ผมก็เช่นกัน
คืนนั้นผมฝันร้าย ฝันว่ากำลังหนีงูยักษ์ เป็นงูที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต และงูตัวนั้นกัดเข้าไปที่ขาของผมจนกระดูกแหลกคาเขี้ยวของมัน … ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับคำรามแรกของเครื่องยนต์ ที่กำลังจะออกเดินทางไปยังจุดเริ่มต้นแข่งขัน ที่ริมแม่น้ำแห่งหนึ่งไกลออกไปเกือบ 20 กิโลเมตร
เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง เสียงจากโทรโข่งของกัปตันนิค ประกาศให้เตรียมตัว อีกไม่กี่วินาทีนักแข่งชุดแรกจะออกจากจุดปล่อยตัว ส่วนผมยังรอรถวิบากสักคันที่พร้อมจะเข้าไปลุยในป่าดิบชื้นแห่งนั้น ภาพงูยักษ์ก็ผุดขึ้นมาพร้อมกับคำสาปแช่งในฝัน ผมขนลุกไปทั้งตัว ตั้งแต่เดินทางมาเกือบ 20 ปี ครั้งนี้ถือว่าผมไม่มีความมั่นใจอะไรเลย รู้สึกไม่ปลอดภัยจริงๆ


คันเร่งของผมตึงและผ่อนตามจังหวะของเส้นทาง โดรนถูกมัดไว้ท้ายรถของผม และในกล่องอลูท้ายรถ บรรจุชุดเลนส์ราคาครึ่งล้านเอาไว้ มีกล้วยและน้ำดื่มแพ็คมาด้วย โจทย์ของผมคือ ต้องไปให้ถึงจุดสุดท้ายก่อนบ่ายสาม ถ้ายังไม่ถึงให้ไปอีกเส้นทางเนื่องจากเส้นนั้นจะมีเสือโคร่ง และช้างป่ารอเราอยู่

นักแข่งค่อยๆ แซงผมไปเรื่อยๆ เพราะผมแวะถ่ายภาพตลอดเส้นทาง 100 กิโลเมตร ผมน่าจะอยู่ครึ่งทางละ เมฆหนาๆ หนักๆ ค่อยๆ ไหลผ่าน ลมเย็นเข้ามาบ้างบางครั้ง บรรยากาศเริ่มเงียบวังเวง ในที่สุดผมก็เจอกับนักแข่งชุดสุดท้าย คือนักแข่งที่เดินทางมาจากประเทศจีน ผมลืมเล่าให้ฟังว่าการแข่งขันในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมหลายประเทศ เป็นอะไรที่น่าสนใจมากครับว่า งานแบบนี้น่าจะมีในประเทศไทยบ้าง



เวลาผ่านไปกว่า 5 นาที ผมกระชากหลุดออกจากรถได้แต่ยืนไม่ได้แล้ว ความรู้สึกคือหักแน่นอน ตรงไหนไม่รู้แถวๆข้อเท้า โชคยังดีที่ใส่รองเท้าแบบ Touring แต่ไม่น่าจะพอสำหรับความรุนแรงระดับนี้ ผมรวบรวมสติ แต่ยากมากเพราะเจ็บปวดไปหมด เลือดที่แขนซ้ายออกไม่หยุด ในวินาทีนั้นภาพในหัวของผมก็ผุดเอาเรื่องราวคำสาปของงูยักษ์ขึ้นมาทันที
ผมกลับมานั่งอีกฝั่งของถนน ค่อยๆ ถอดรองเท้าออกสำรวจตัวเอง ข้อเท้าบวมเป็นสองเท่า สักพักก็มีหน่วยพยาบาลขี่รถเข้ามา ชุดนี้คือทีมสุดท้ายของการแข่งขัน เข้ามาดูแลผม สิ่งที่ดีที่สุดในตอนนั้นคือยาแก้ปวด ทีมแจ้งผมว่าต้องรอรถมารับอีกหนึ่งชั่วโมง
ผมมีเวลาทั้งวันหลังจากเขมือบกล้วยไข่ที่ทีมพยาบาลทิ้งไว้ให้ และประกอบโดรนเพื่อบินสำรวจเส้นทางฆ่าเวลา โดรนพร้อมในไม่กี่นาที และภาพที่ผมเห็นเบื้องล่างนั่นคือป่าดงดิบที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ไร้ผู้คน และสิ่งที่ทำให้ผมขนลุกในภาพที่เห็นนั่นคือ เส้นทางที่คดเคี้ยวไปมาตัดกับป่าดิบชื้น รูปร่างของมันคืองูยักษ์ในฝัน มันคือคำสาปที่เป็นจริง
เหตุการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก สำหรับผมรับได้ มันคืออุบัติเหตุ ผมออกจากป่าตรงนั้นประมาณบ่ายสอง ถึงโรงพยาบาลประมาณ 5 โมง X-Ray ตอน 2 ทุ่ม ฟังผลตอน 4 ทุ่ม สรุปไม่หัก (น่าจะเป็นข่าวดี) ผมออกจากโรงพยาบาลไปโรงพักตอน 5 ทุ่ม เดินทางถึงที่พักในป่าริมแม่น้ำตอนตี 2
สรุปเหตุการณ์ในครั้งนี้ ข้อเท้าผมหักจริงๆ แต่พึ่งมา X-Ray เจอที่กรุงเทพฯ หลังจากเหตุเกิดตั้ง 3 วัน ผมเดินทาง ทำงาน ส่งลูกไปโรงเรียน และทำทุกอย่างปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะเราคิดว่ามันไม่หัก จิตของคนมันทรงพลัง สามารถบังคับร่างกายให้แกร่งได้แม้วิกฤติ ภาพงูยักษ์และคำสาปยังคงวนเวียนให้ผมคิดถึง ปีหน้า Rimba Raid ที่บอร์เนียว ผมไปแน่นอน และนี่คือการเดินทางของผม หมาป่าเปลี่ยว The Steppenwolf หรือ Motographer ที่ทุกคนรู้จัก แล้วพบกันนะครับ
DANCES WITH WOLVES
/
มาเลเซียคือหนึ่งในประเทศเพื่อนบ้านที่ไปมาง่าย เดินทางสะดวก ใช้เวลาจากเมืองไทยเพียง 2 ชั่วโมงกว่าเท่านั้น หลายคนคงสงสัยว่า 4 วัน 3 คืน เราสามารถทำอะไรได้บ้างที่นี่ ทริปนี้เรามาเที่ยวเมืองกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงขนาดเล็ก มีประชากรประมาณ 1.7 ล้านคนเท่านั้น เราจะพาไปเดินเที่ยวชมเมืองตั้งแต่ย่านธุรกิจ ย่านนักท่องเที่ยว ย่านศูนย์การค้าใหญ่ๆกลางเมือง แวะชมเมืองเก่าผ่านงานสถาปัตยกรรมอันสวยงามและน่าสนใจมาก
/
มันไม่ใช่วันพิเศษ ไม่มีสัญญาณบอกเหตุล่วงหน้า ทุกๆ อย่างเกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ ราวกับเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด ไม่มีที่มาที่ไป ไม่มีเหตุผลที่สมเหตุสมผล แค่เกิดขึ้น ฟรันซ์ คาฟคา มักเริ่มต้นงานเขียนแบบนั้น และในเช้าแสนเรียบง่ายแบบเดียวกัน ฉันก็ตื่นขึ้นมาพบตัวเองอยู่กลางเมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็กอีกครั้ง
/
เดินทางมาเป็นเวลาชั่วโมงนิดๆก็เข้าสู่อดีตเมืองหลวงอันเก่าแก่ของไทยที่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก จังหวัดพระนครศรีอยุธยาคือจุดหมายปลายทางของเราในทริปนี้เพราะที่นี่ครบเครื่องจริงๆให้ทั้งความสุขใจและสุขกายภายในทริปเดียว ใครอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศการเที่ยวแบบเชิงประวัติศาสตร์ไทย เดินเล่นเที่ยวเมืองเก่าชมงานสถาปัตยกรรม ไหว้พระทำบุญ แวะคาเฟ่ขนมไทยสไตล์โมเดริ์น เราขอให้ทุกคนเพลินไปกับการเดินทางครั้งนี้ที่ใช้เวลาทั้งหมดเพียง 2 วัน 1 คืนเท่านั้น ส่วนครอบครัวไหนกำลังอยากกำลังอยากจะหาที่พักผ่อน ใกล้ๆกรุงเทพมหานคร เราแนะนำพาลูกเก็บกระเป๋าแล้วมุ่งหน้าไปเที่ยวและทำบุญที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยากัน เพราะหลังจากที่เราได้ไปมาหลายรอบแล้ว เราก็ได้มีข้อคิดเล็กๆสำหรับคุณพ่อ คุณแม่ว่าทำไมเราถึงควรพาลูกไปเที่ยวอยุธยา
/
สำหรับคนรักโค้งหลงเขา คุณต้องมาโดนค่ะ แม้จะยังขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ทั่วไทย ไปแค่ไม่กี่ที่ แต่หลิงขอยกให้เส้นแม่ฮ่องสอนลูปเป็นเส้นทางที่มีโค้งเยอะที่สุดและขี่สนุกที่สุด ส่วนวิวทิวทัศน์ก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะมันสวยจนทำให้เราลืมเหนื่อย ถนนหนทางก็จัดว่าดีทีเดียว ชาวต่างชาติยังต้องมา แล้วทำไมเราจะไม่ไป?!
/
ให้การเดินทางเป็นแรงบันดาลใจ และเติมเชื้อเพลิงให้ความคิดสร้างสรรค์กับ 4 มิวเซียมใน Berlin
/
"แม่โขงตายช้าๆ และเงียบเชียบ จากบทความหนึ่งของนักวิชาการต่างชาติที่พูดถึงเขื่อน 7 แห่งในจีน และวันหนึ่งเราจะถูกจำกัดเสรีทางธรรมชาติ และนี้คือเรื่องราวของการเดินทางในครั้งนี้"
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )