LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING
กับ คุณอู-ธนวัฒน์ แห่งแบรนด์เครื่องหนัง By Myself Handcrafted
“มันไม่ใช่แค่หนังแท้นะ มันไปไกลได้ขนาดที่ว่า โลกนี้มีดีได้ขนาดไหนผมก็จะไปหาที่มันดีที่สุด เท่าที่ความสามารถของเราจะหามาได้ ไอ้แพงเนี่ยไม่เท่าไหร่หรอกแต่ถ้ามันดีจริงๆ ผมก็จะสั่งมา อิตาลี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น อเมริกา ที่ไหนที่มันดีน่ะ ส่วนตัวเราเองก็อยากรู้ว่ามันจะดีขนาดไหนวะ แล้วพอได้เห็นมันคือขนลุกเลย มันเหมือนในหนังเลยนะ ที่เปิดกล่องมาแล้วมันเหมือนมีแสงส่องหน้า”
เจ้าของแบรนด์ By Myself Handcrafted
EVERYTHING ขอแนะนำให้พูดคุยกับเจ้าของแบรนด์เครื่องหนัง By Myself Handcrafted ที่เน้นการผลิตของใช้หลายประเภท จากวัสดุหนังคุณภาพยอดเยี่ยมที่ได้จากแหล่งที่มาสุดแรร์ และที่สำคัญของทุกชิ้นในร้านนั้นเกิดจากสองมือของดีไซเนอร์นักประดิษฐ์คนนี้ คุณอู ธนวัฒน์ ควนสุวรรณ
“พอพูดถึงเครื่องหนัง คนจะนึกถึงกระเป๋าตังค์นะ แต่จริงๆ หนังมันทำอะไรได้มากกว่านั้นมาก ทำให้มันนุ่มก็ได้ แข็งก็ได้ คือมันสามารถเป็นได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ชิ้นเล็กๆ ยันของชิ้นใหญ่แบบโต๊ะกินข้าว ถ้าลองจับดูหนังที่เราทำให้แข็งมันจะคล้ายกับวัสดุไม้เลย มันมีเทคนิคของมัน มันสามารถบิด งอ โค้ง ยืด หด ได้หมดเลย เพราะฉะนั้น เราก็แค่ใช้ทักษะที่เรามีเสกมันออกมา ให้มันเป็นอะไรก็ได้ที่เราต้องการ”
จุดเริ่มต้นของการทำหนัง
“ค่อนข้างนานมาแล้ว 15 - 16 ปีแล้วครับ ตอนแรกคือเราเรียนหนังสือแล้วก็ชอบประดิษฐ์นู่นนี่แต่เด็กแล้ว ก็ทำมาเรื่อยๆ ควบคู่กับการเรียน ตอนแรกก็ทำเล่นๆ แหละ พอทำไปทำมา เห้ยมีคนชอบ ก็เลยไปฝากเขาขายตามสยามบ้าง ขายเองบ้างที่ข้าวสาร พอเรียนจบก็อยากลองทำดู เพราะคิดว่ามันจะเริ่มต้นเป็นอาชีพได้ ก็เลยเริ่มเปิดร้านแรกที่สวนลุม ไนท์บาซา แต่ตอนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นของแต่งบ้าน แล้วก็อยู่ตรงนั้นได้ 2 - 3 ปี ตอนนั้นเหมือนเรากำลังค้นหาอะไรบางอย่าง ตอนแรกเราไม่ได้เริ่มทำกับวัสดุหนัง เราเริ่มจากเซรามิค เป็นปูน อะไรพวกนี้มาก่อน พอมาเริ่มจับหนังก็เห็นว่ามันแจ๋วดี ดูมีคุณค่าดี ก็เลยปรับเปลี่ยนจากหล่อปูน มาทำหนังมากขึ้น ซึ่งในยุคนั้นมันไม่ค่อยมีใครมาทำเครื่องหนังเท่าไหร่นะ เราก็ลองทำดูแล้วลองใช้เอง แล้วก็ลองขาย และมันก็เป็นอาชีพที่อิสระแบบที่ได้ใช้ความคิดของเราได้อย่างเต็มที่ ทำแบบนั้นมาเรื่อยๆ ปุบปับมาจนตอนนี้ก็ร่วม 15 ปีแล้ว พอมาคิดดูเราก็เหมือนเป็นนักประดิษฐ์นะ แต่ไม่ได้ล้ำขนาดนั้น เราก็ประดิษฐ์อะไรง่ายๆ กระปุกออมสิน แจกัน ประมาณนั้นครับ (Q: คล้ายกับโปรดักท์ดีไซเนอร์หรือเปล่า?) เวลาเราทำงาน เราจะออกแบบมันก่อน แล้วจากนั้นก็เอาความชอบของเราใส่ลงไป มันก็คล้ายกับดีไซเนอร์ด้วย ของทุกชิ้นเราออกแบบเอง และทำเองตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว คือแบรนด์นี้มีคนเดียวคือผม ทำทุกอย่าง หาของ ออกแบบ ผลิต ขาย”
“ผมเชื่อว่า อะไรก็ได้ไม่ต้องเรียน ถ้าเราสนใจมันมากพอเราจะมีเวลาให้มันเอง ตอนนั้นอินเตอร์เน็ตสำหรับผมมันก็มีนะ แต่มันก็เชยๆ ก็เลยไปซื้อหนังสือญี่ปุ่นมาดู อ่านไม่ออกหรอก แต่ดูภาพในนั้นเอา ก็พยายามคิดตามว่า เค้าทำอะไรอยู่ ไอ้นี่มันทำยังไง มีอุปกรณ์นี้ขายก็ซื้อ ไม่มีตังค์ก็ซื้อเศษหนังมา ลองตัด ลองเจาะ ลองทำมันให้ออกมาแบบที่ต้องการ ซึ่งจริงๆ ผมเรียนนิเทศน์มานะ มันไม่ได้เกี่ยวกับที่เรียนเลย แต่ผมรู้มาตลอดว่าผมชอบอะไร”
ทำไม By Myself Handcrafted จึงมาอยู่ที่ช่างชุ่ย?
“ทุกสาขาคือผมต้องอยู่เอง มันจึงเปิดได้ครั้งละหนึ่งที่เท่านั้น ครั้งแรกที่สวนลุมไนท์บาซา ต่อไปก็จตุจักร แล้วก็เอเชียทีค แล้วก็เพิ่งย้ายมาที่นี่ ช่างชุ่ย ประมาณ 8 - 9 เดือน ที่นี่มันสงบดี เราไม่ได้ต้องการเอาตัวเข้าไปอยู่ในตลาดที่คนเยอะๆ อีกแล้ว มันจะเปลี่ยนไปตามจังหวะชีวิตของเรานะ เราแค่อยากผลิตงานเงียบๆ ของเรา มีลูกค้ามาเข้าร้านวันละ 4 - 5 คนก็โอเคแล้ว
(Q: ผลิตงานทุกวันเลยใช่มั้ยคะ?) ทุกวันครับ มันคือชีวิตผมเลย คือตอนนี้มันไม่ได้เป็นอาชีพอีกแล้วนะ พอตื่นมาก็เป็นมันเลย ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นงานเลยนะ ผมแค่อยากทำมันทุกวัน มันมีขั้นตอนที่ละเอียดมาก ต้องไปสั่งหนัง ต้องไปตัด กระบวนการของมันคือต้องทำตลอดเวลา มันจึงต้องมีทำทุกวัน คิดว่าวันนี้จะทำอะไรกับมัน พรุ่งนี้ต้องทำอะไร ประมาณนั้น ซึ่งมันก็ไม่เคยเบื่อเลยนะ พอนึกย้อนไป ผมเคยทำงานเกือบ 400 วัน ไม่เคยหยุดเลย มันไม่มีใครมาสั่งเราว่าต้องทำนะ มันจึงมีความหมายมากกว่าคำว่า ‘รับผิดชอบ’ ไปแล้ว มันเป็นสิ่งที่เราต้องรู้ตัวเองว่ามันจำเป็นต้องทำ”
คุณค่าในวัสดุหนัง
“ในการผลิตอะไรก็ตามจากวัสดุหนัง ผมคิดว่ามันต้องมีหน้าร้าน มันต้องได้คุยกับคนน่ะ มันก็เหมือนเสื้อผ้าที่มันต้องรู้ไหล่ รู้อก แล้วซื้อ สำหรับหนังมันก็มีสตอรี่ของมันนะ หนังฟอกที่อิตาลีเป็นยังไง มันย้อม มันเย็บ กรรมวิธีมันคืออะไร ใครทำ ทำได้ยังไง เรื่องราวมันเยอะมากนะ เราเลยต้องคุยน่ะ เพราะเรารู้สึกว่าคุณค่ามันอยู่ตรงนั้นแหละมันอยู่ที่การสื่อสารของเรา อย่างน้อยลูกค้าก็รู้ว่าเราเป็นคนทำแล้วเค้าก็ได้มาซื้อจากเรา ผมเคยพูดอยู่ครั้งนึงนะว่า มันไม่ใช่แค่มาขายแล้วจบไป แต่ลูกค้าเป็นเหมือนเพื่อนเรา เค้าจะมีความคิดเห็น มีบอกเราว่าเค้าชอบ มันรู้สึกดีมากเลยครับเวลาเค้าชอบงานเราแล้วตัดสินใจว่าจะซื้อ มันเลยต้องมีหน้าร้านครับ”
เคยมีคนสงสัยว่าทำไมมันแพง?!
“ส่วนใหญ่ลูกค้าก็จะเป็นต่างชาติสัก 80% สิงคโปร์ ฮ่องกง เป็นเอเชียนซะส่วนใหญ่ครับ จริงๆ ก็มีบ้างครับที่ลูกค้าไม่เข้าใจว่าทำไมมันแพง ก็จะอธิบายว่า มันไม่ใช่แค่หนังแท้นะ มันไปไกลได้ขนาดที่ว่า โลกนี้มีดีได้ขนาดไหนผมก็จะไปหาที่มันดีที่สุด เท่าที่ความสามารถของเราจะหามาได้ ไอ้แพงเนี่ยไม่เท่าไหร่หรอกแต่ถ้ามันดีจริงๆ ผมก็จะสั่งมา อิตาลี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น อเมริกา ที่ไหนที่มันดีน่ะ ส่วนตัวเราเองก็อยากรู้ว่ามันจะดีขนาดไหนวะ แล้วพอได้เห็นมันคือขนลุกเลยมันเหมือนในหนังเลยนะ ที่เปิดกล่องมาแล้วมันเหมือนมีแสงส่องหน้า มันแบบ หูยย! หอมมาก มันไม่เป็นกลิ่นแบบเคมี คือมันเป็นธรรมชาติไม่เป็นพิษกับร่างกายเลย 100% แค่ได้กลิ่นตอนยังไม่แกะห่อ ก็รู้เลยว่ามันเป็นธรรมชาติจริงๆ แล้วเราไม่ได้ทำไปแค่ 5 ปี แต่เราทำเพื่อให้มันอยู่ไป 30 ปี 50 ปี มันอยู่ได้นะ แทบไม่มีใครกลับมาบอกว่าใช้แล้วพังเลย มันเป็นเรื่องของกระบวนการ ทั้งหมดที่เห็นนี่ก็ไม่ได้ใช้จักรเลยนะ ผมเย็บเองกับมือ”
ในอนาคตจะมีการจับวัสดุอื่นมาทำบ้างไหม นอกเหนือจากหนัง?
“คงไม่นะ เป็นหนังไปเรื่อยๆ แต่คงจะมีเปลี่ยนรูปแบบบ้าง พอโตขึ้นงานเราจะเปลี่ยนไปนะ ดีเทลมันเปลี่ยน ไม่รู้สิ มันโคตรจะเป็นตัวตนเราเลย เราไม่ต้องไปบังคับว่ามันจะเป็นอะไร แต่มันจะเปลี่ยนเอง ค่อยๆ เปลี่ยนไปตามการเติบโตของเรา งาน 5 ปีแรก 5 ปีที่สอง 5 ปีที่สาม มันก็คนละแบบกัน แต่ยังไงก็ต้องเป็นหนังนะ ผมว่า ผมคงตายไปพร้อมกับอาชีพนี้แหละ”
ติดตามความเคลื่อนไหวของ By Myself Handcrafted ได้ที่
FB/IG: Bymyselfhandcrafted
“ถ้าเราสนใจมันมากพอ เราจะมีเวลาให้มันเอง” คิดแบบนักประดิษฐ์ กับ คุณอู-ธนวัฒน์ แห่งแบรนด์เครื่องหนัง By Myself Handcrafted
/
ทันทีที่ Key Visual สถาปนิก’ 68 เผยแพร่ออกมา บทสนทนาปลุกสัญชาตญาณนักสืบในตัวทุกคนพร้อมใจกันทำงานแบบ Autopilot และระหว่างที่ตามหาเฉลยกันจริงจัง ทุกคนเริ่มหันมาตั้งคำถามต่อว่า Art Toys เกี่ยวข้องกับธีมงานอย่างไร รู้ตัวอีกทีวงสนทนาก็กระเพื่อมขยายกว้างขึ้น ส่งสัญญาณชัดว่า Key Visual ปีนี้เปิดฉากมาแบบสนุกเอาเรื่อง โดนเส้นกันสุดๆ
/
วัลลภ รุ่งกำจัด หรือ อุ้ม นักแสดงที่เชื่อมโยงความเป็นมนุษย์กับโลกของภาพยนตร์ ผ่านการสร้างชีวิตให้ตัวละครต่าง ๆ ได้ออกมาโลดแล่นแสดงความรู้สึกทางอารมณ์ให้กับผู้ชม แม้เขาจะไม่ได้เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในวงกว้างเทียบเท่ากับนักแสดงกระแสหลัก แต่ในเวทีระดับโลก “อุ้ม” ได้พิสูจน์ตัวเองกับการเป็นนักแสดงที่มีความสามารถที่ยอมทุ่มเทหลาย ๆ สิ่ง ให้กับงานศิลปะด้านการแสดงในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้อย่างสุดตัว
/
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เราได้รู้จักกับเธอคนนี้ในชื่อของ พัด หรือที่ชอบเรียกติดปากกันว่า พัด ZWEED N’ ROLL เจ้าของเสียงทุ้มมีเสน่ห์ นักร้องและนักแต่งเพลงที่ฝากผลงานเพลงเศร้าเอาไว้ในวงการมากมาย อาทิ ช่วงเวลา, Diary, อาจเป็นฉัน และอีกมากมาย ไม่มีอะไรแน่นอนแม้กระทั่งตัวเราเอง ช่วงเวลาจึงได้พัดพาให้เรามาทำความรู้จักกับ “MAMIO” ในฐานะศิลปินใหม่จากค่าย Warner Music Thailand ซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งของคุณพัดที่ไม่เคยถูกปลดปล่อยออกมาเลยตลอดชีวิตการทำงานในวงการสิบกว่าปีที่ผ่านมา หรือถ้าจะให้ซื่อสัตย์กับตัวเองจริง ๆ ก็อาจจะเป็นทั้งชีวิตที่เกิดมาเลยเสียด้วยซ้ำ
/
Whispers เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่สะท้อนการเติบโตของวงการ Hardcore ในประเทศไทยอย่างแท้จริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงกลุ่มเพื่อนที่หลงใหลในดนตรี เพราะนอกจากจะเป็นผู้เล่น พวกเขายังเป็นกำลังสำคัญที่คอยผลักดันซีนฮาร์ดคอร์ในบ้านเรามาโดยตลอด ประสบการณ์ที่สั่งสมทำให้เกิดเป็นสไตล์เฉพาะของ Whispers สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้พวกเขาก้าวไปสู่เวทีระดับสากล ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ใต้ดินของไทย แต่เสียงคำรามของพวกเขาก็ดังไปไกลถึงทวีปยุโรป มาพบกับเส้นทางดนตรีที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและการเปลี่ยนแปลง กับวงฮาร์ดคอร์ระดับบท็อปของ Southeast Asia
/
ด้วยลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์และรูปแบบงานสักของเขา ที่เรารู้สึกแปลกประหลาดกว่างานสักอื่น ๆ (แปลกประหลาดในที่นี้คือความหมายในแง่ดีนะ) ก็เลยตัดสินใจส่งข้อความทักไปหา “พี่นัทครับ ผมขอสัมภาษณ์พี่ได้ไหม” “ได้ครับ” สั้น ๆ แต่จบ เรื่องราวทั้งหมดก็เลยเริ่มต้นขึ้นที่ร้าน CAVETOWN.TATTOO แถว ๆ ปิ่นเกล้า ซึ่งพี่นัทเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ บทสนทนาของเราเริ่มกันในช่วงเวลาบ่าย ๆ ของวันพฤหัส พอไปถึงร้านพี่นัทกำลังติดงานสักให้กับลูกค้าอยู่หนึ่งคน พอได้เห็นลายที่เขาสักต้องบอกว่าเท่มาก ๆ มันมีความเป็น Psychedelic บวกกับ Ornamental ผสมผสานกับเทคนิค Dotwork จนกลายเป็นงานศิลปะบนผิวหนังหลังฝ่ามือ เราถึงกับต้องถามคำถามโง่ ๆ กับลูกค้าที่ถูกสักว่า “เจ็บไหม” แน่นอนคำตอบที่ได้คือ “โคตรเจ็บ” เพราะจุดที่สักคือหลังฝ่ามือ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายคนร่ำลือกันว่าโคตรเจ็บ ระหว่างที่รอพี่นัทไปพลาง ๆ น้องแมคช่างภาพที่มีรอยสัก Full Sleeve เต็มแขนขวา ก็เริ่มกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปเก็บภาพระหว่างที่เขาสักไปด้วย พอสักเสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยให้พี่เขาพักผ่อนกินน้ำ ปัสสาวะ (อ่านแยกคำนะอย่าอ่านติดกัน) ก่อนจะพูดคุย แต่เดี๋ยว ! ก่อนจะเริ่มบทสนทนา เราขอเกริ่นให้ฟังซักนิดนึงเกี่ยวกับชายคนนี้ก่อน
/
ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีวงดนตรีสัญชาติไทยที่ชื่อ KIKI ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในวงที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากทั้งในประเทศไทย ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง ก็เพราะด้วยเสียงเพลงที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และการนำเสนอแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงความตั้งใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงตัวตนของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )