โบรโม่: ความฝัน ความตาย ร่างสลายในทรายฝุ่น | IAMEVERYTHING.CO

LOOKING ON EVERYTHING ?

EXPLORE ON EVERYTHING

Bromo: In Between Dream and Death
โบรโม่: ความฝัน ความตาย ร่างสลายในทรายฝุ่น

ทริปโบรโม่ - บาหลี อินโดนีเซีย 10 วัน (2-11 สิงหาคม 2019) ครั้งนี้ หลิงไปกับน้องชาย (กฤษณ์) 2 คน ด้วยการเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวไปเรื่อยๆ แบบไม่มีแพลนอะไรมากนัก เราตกลงกันว่าทุกอย่างพร้อมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาที่หน้างาน เที่ยวแบบสบายใจเป็นหลัก เหนื่อยก็พัก ไม่ต้องไปเยอะที่ ขี้เกียจก็นอนเล่น อยากทำไรก็ทำ เริ่มต้นด้วยการบินไปลงที่เมืองสุราบายา (Surabaya) เพื่อไปยังเมืองมาลัง (Malang) ขี่เที่ยวแถวภูเขาไฟโบรโม่ (Mount Bromo) สัก 4-5 วันแล้วค่อยบินไปขี่เที่ยวต่อที่บาหลีอีกสัก 4-5 วัน จากนั้นค่อยบินกลับไทย

Selamat Datang di Indonesia: ‘อารีส’ แท็กซี่สายแปด
วันแรก: ถึงสุราบายาเกือบค่ำ เราโชคดีที่ได้เจอ ‘อารีส’ คนขับแท็กซี่ที่เราสุ่มเรียกจากสนามบิน ตกลงราคาเสร็จ เขาไปเอารถมารับเราที่ชานชาลาซึ่งคนจอแจ รถก็แออัดเบียดเสียดเต็มทุกช่องทาง เราเห็นรถเขาอยู่ไกลๆ ห่างไป 3 เลนนอกสุดโน่น! ซึ่งจอดรถไม่ได้ เขาบีบแตรเรียก จอดรถแล้วลงมาเปิดประตูตรงนั้นเลยจ้าาา เรารีบหิ้วกระเป๋าตรงไปที่รถ อารีสคว้ากระเป๋าไปเก็บ สองพี่น้องกระโดดขึ้นรถ แล้วก็ออกรถทันที ทั้งหมดนี้ใช้เวลาแค่ 5 วินาที! หลิงกับน้องชายหันมามองหน้ากันแล้วยิ้ม

กฤษณ์ : “นี่มันกองโจรชัดๆ! พี่คนนี้โครตเฟี้ยว”
หลิง : “เราเจอเนื้อคู่แล้วววววว”

อารีสฟังเราไม่รู้เรื่อง ได้แต่มองกระจกหลังแล้วยิ้ม “Hi, my name is Aries. Where are you from?” เขาเป็นคนสุภาพ ไม่ขี้โกงโก่งราคา คล่องแคล่วว่องไว ขับรถอย่างชำนาญ แซงขวาแล้วตบซ้าย คันหน้าขับแช่ขวามีตบไฟใส่ ช่วงถนนโล่งนอกเมืองใช้ความเร็วที่ 100-110 กม./ชม. เพราะเร็วกว่านี้จะโดนจับ (รถยนต์ที่อินโดนีเซียค่อนข้างใช้ความเร็วที่กฎหมายกำหนด) พอขับในเมืองรถติดๆ พี่แกซิกแซ็กได้อย่างมีชั้นเชิงแบบไม่น่าเกลียด โดยรวมถือว่าอารีสขับรถดีทีเดียวค่ะ - หลิงให้ผ่าน!

โบรโม่จ๋าพี่มาแล้วจ้า
วันที่สอง: เรานัดอารีสให้มารับที่โรงแรมตีห้าเพื่อไปส่งที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ในมาลังซึ่งอยู่ห่างออกไป 100 กม. ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง หลิงจอง Kawasaki KLX150 ไว้ 2 คัน (รายละเอียดใน Travel Tips ท้ายเรื่อง) วันนั้นที่ร้านมีทัวร์กลุ่มใหญ่นั่งรถบัสมาลงที่ร้านประมาณ 20 คนจะขี่ไปโบรโม่ด้วยเช่นกัน ร้านจึงวุ่นวายพอสมควร กลุ่มนี้รับรถและออกตัวไปก่อน กว่าทางร้านจะติดแร็คท้ายและเซ็ตรถให้เราเสร็จก็เกือบ 9 โมงครึ่ง เราจึงได้ออกเดินทาง

จากมาลังไปที่โบรโม่ระยะทาง 50 กม. เราใช้เส้นทางที่ใกล้ที่สุดที่ร้านแนะนำคือ Tumpang (ใช้เวลา 2 ชม.) ซึ่งเป็นถนนดำแบบไม่มีเส้นแบ่งเลน มีหลุมบ่อผุพังบ้างประปราย เราขี่ไปเรื่อยๆ ด้วยความเร็วประมาณ 60-80 กม./ชม. วันนั้นท้องฟ้าสดใสอากาศเย็นสบายที่ 18-19 องศา ผ่านหมู่บ้านและเรือกสวนไร่นา ชมวิวข้างทางสวยๆ ไปแบบชิลล์ๆ เสียดายที่เราแทบไม่ได้จอดถ่ายรูปเพราะเราสายมากแล้ว เส้นทางที่ไปต้องขี่ข้ามเขาก่อนผ่านเส้นทางทะเลทรายแถวโบรโม่เพื่อไปยังที่พักของเราในหมู่บ้านเซโมโร ลาวัง (Cemoro Lawang) ช่วงที่เริ่มเข้าเส้นทางบนเขา อากาศเริ่มเย็นขึ้นจนตัวสั่นเลยค่ะ ขนาดมีแดดนะ อุณหภูมิประมาณ 15-16 องศาจนต้องแวะจอดสวมเสื้อกันหนาวแล้วค่อยไปต่อ ถนนก็แคบเป็นเลนเดียวแบบรถสวนกันต้องหลบให้อีกฝั่งไปก่อน ไหล่ทางหลายช่วงค่อนข้างอันตรายเพราะเป็นร่องดินลึก หลิงล้มแปะไปทีหนึ่งเพราะตกลงไปในร่องลึกประมาณหนึ่งฟุต ตอนที่รถจี๊ปวิ่งพ้นโค้งสวนลงมาจากบนเขาแล้วดันเป็นจังหวะที่ตรงนั้นไม่มีไหล่ทางให้หลบพอดี

พอลงจากเขามาก็พบกับหุบเขาสีเชียวกว้างใหญ่อยู่ด้านหน้า หลิงร้องว้าว!! อยู่ในหมวกกันน็อค ด้านล่างนั่นคือเส้นทางที่เป็นทะเลทรายสู่ภูเขาไฟโบรโม่ นี่เป็นครั้งแรกที่ขี่บนทะเลทรายจริงจังระยะทางนับ 10 กม. และด้วยทักษะเอ็นดูโร่ระดับอนุบาลของหลิง แค่กิโลเมตรแรกก็อยากร้องไห้แล้ว “สึสเอ๊ย! กูขอนั่งรถจี๊ปแทนได้มั้ย” เรามาถึงบริเวณนี้เกือบเที่ยง อากาศเร่ิมร้อน พื้นทรายเริ่มร่วนซุยยิ่งทำให้ขี่ยากเย็นแสนเข็น ท้ายสะบัดปัดแกว่งเลื้อยเป็นงูตลอดทาง บางช่วงติดหล่มจมทรายกว่าจะหลุดขึ้นมาได้นี่เกือบตาย แขนสองข้างแทบง่อยเปลี้ยเสียหมากันเลยทีเดียวค่ะ นี่ขนาดใช้รถวิบากยางหนามแล้วนะ ที่นั่นคุณจะได้เจอมอเตอร์ไซค์หลายชนิดที่มาพิชิตทะเลทรายแห่งนี้ด้วย ตั้งแต่มอเตอร์ไซค์แม่บ้าน, สายสปอร์ตอย่าง Honda CBR, Kawasaki Ninja ไปจนกระทั่ง Kawasaki GTO และ Vespa แต่ละคนก็ทุลักทุเลพอๆ กัน หลิงทึ่งพวกเขามากกว่า เพราะยางทางเรียบน่าจะขี่ยากกว่าเราหลายเท่า แต่ ณ วินาทีนั้น ทุกคนเจอสภาพเดียวกันหมด ยกเว้นรถวิบากบางคันที่วิ่งฉิวปลิวผ่านพวกเราไปจนอยากจะขอซ้อนท้ายไปด้วย เราเหนื่อยจนแทบไม่อยากจอดถ่ายรูป กะว่าพรุ่งนี้ค่อยออกมาขี่เล่นถ่ายรูปทีเดียวไปเลย

สื่อสารไม่ได้ไม่ต้องเซ็ง นาซีโกเร็งช่วยคุณได้
เราถึงที่พักแบบเหนื่อยล้าสาหัส ทั้งตัวเต็มไปด้วยฝุ่นทรายสีเทา เลยนอนพักช่วงบ่ายแล้วออกมาขี่มอเตอร์ไซค์สำรวจหมู่บ้านในช่วงเย็นและเดินเล่นหาอะไรกินแถวๆ ที่พัก อากาศที่นี่หนาวเย็นตลอดปีเพราะอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 2,200 เมตร เตรียมเสื้อและอุปกรณ์กันหนาวมาให้พร้อมนะคะ (ตกเย็นจะ 10-11 องศา กลางคืนเลขตัวเดียว) ที่อินโดนีเซียอาหารและวัฒนธรรมหลายอย่างจะคล้ายๆ กับมาเลย์เซีย เลยไม่รู้สึกกินยากเพราะเราสองพี่น้องเป็นคน อ.สะเดา จ.สงขลา บ้านเกิดอยู่ที่ปาดังเบซาร์ ชายแดนไทย-มาเลย์เซีย แถมเป็นคนกินได้ทุกสิ่งไม่ว่าจะไปประเทศไหน เลยเป็นข้อดีไปค่ะ อาหารก็สั่งไม่ยาก ถ้าสื่อสารลำบาก จำไว้เมนูเดียว ‘นาซีโกเร็ง’ ก็รอดตายเหมือนฝรั่งมาไทย มันคือ ‘ข้าวผัด’ แต่ระดับไฮโซอย่างหลิงจะจำอย่างเดียวก็เสียดายปริญญาที่เรียนมาค่ะ เราต้องแอดวานซ์ขึ้นไปอีกนิด ‘หมี่โกเร็ง’ ซึ่งก็คือ มาม่าผัด หรือหมี่ผัด (หมี่ ภาษาจีน, โกเร็ง แปลว่า ผัด) นอกจากนี้ ต้องไม่ลืม ‘สะเต๊ะ’ ที่เรารับอิทธิพลจากเขามาอร่อยในบ้านเราด้วย ที่นี่นอกจากเครื่องเคียงอย่างผักดอง พริกดอง ซึ่งคล้ายอาจาดบ้านเราแล้ว ก็ยังมีข้าวอัด (ข้าวบดอัดให้แน่น) เหมือนมาเลย์เซียและหลายจังหวัดในชายแดนใต้ด้วย ปิดท้ายกันที่ ‘บักโซ’ (bakso) หรือ ‘บาโซ’ (baso) คล้ายก๋วยเตี๋ยว เป็นซุปร้อนๆ มีเส้น ผักดอง เต้าหู้ ไข่ เกี๊ยวกรอบ ผัก ใส่ผักโรย และหอมเจียว ซึ่งมีขายทั่วไปทั้งแบกหาม รถเข็น หรือมาเป็นตู้ไม้กับมอเตอร์ไซค์ อากาศหนาวๆ แบบนี้ได้กินบักโซ โอ้โห! มันวิเศษมากๆ ค่ะ เราฟาดไปคนละสองชาม เดินพุงกางกลับที่พัก

เกือบทิ้งชีวิตไว้ที่โบรโม่
วันที่สาม: (4 สิงหาคม) เวลา 7:00 น. แดดเริ่มออก หมอกเริ่มจาง และอากาศอุ่นขึ้น เราจึงขี่ออกไปที่โบรโม่กันอีกครั้ง แต่วันนี้โบรโม่ดันปิดห้ามขึ้นซะงั้น! เพราะภูเขาไฟมีอุณหภูมิสูงขึ้นก็เลยได้แต่ขี่เล่นแถวนั้นแทน คราวนี้ขี่สนุกขึ้น ตอนเช้าอากาศหนาวเย็นพื้นทรายยังชื้นและแน่น มีหมอกจางๆ สวยงามเว่อวัง จากประสบการณ์ติดหล่มทรายไปหลายทีเมื่อวาน ชาวบ้านเห็นก็นั่งขำแกมสงสาร เขาทำท่าแล้วบอก “บิดหมดปลอกเลยอีหนูเอ๊ยยย” หลิงเดาเอา ลุงแกคงทนดูไม่ไหวแล้วจริงๆ ...มาวันนี้เราสองคนบิดลูกเดียวจ้า ขี่ช้าล้อจะจมทราย เจออุปสรรคก็หลบหลีกให้ทัน หลายช่วงจะมีร่องน้ำแห้ง ใหญ่บ้างเล็กบ้าง ตื้นลึกแคบกว้าง สภาพคาดเดาอะไรไม่ได้ และไม่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล ต้องสังเกตรอยล้อรถและขี่ตามรอยเขาไป ฝุ่นทรายฟุ้งกระจายไปทั่วเหมือนสายหมอก และขณะที่กำลังขี่ข้ามร่องน้ำหนึ่ง วินาทีนั้นหลิงเห็นรอยล้อจมทรายลึกอยู่ 3-4 รอย แค่คิดในใจว่าร่องนี้อันตราย! แล้วก็...พลั่ก!!! ล้อหน้าปักลงไปในทรายทันที!

หลิงแน่นิ่งไปพร้อมกับรถและหายใจไม่ได้ไป 10 วิ ตอนนั้นคิดว่าตัวเองกำลังจะตาย สักพักจึงค่อยๆ เริ่มสูดหายใจเข้าปอดได้ มีคนเข้ามาช่วยพยุงลุกขึ้นนั่ง เริ่มได้ยินเสียงน้องชายเรียก รู้สึกแน่นและปวดร้าวที่หน้าอกด้านซ้าย ลมหายใจรวยริน พูดได้เพียงแผ่วเบา และหายใจไม่เต็มปอด แขนซ้ายยกไม่ขึ้น หลิงจึงเอื้อมมือไปจับที่กระดูกไหปลาร้าและรู้ได้ทันทีว่ามันหัก!! โชคดีที่ไม่มีเลือดตกยางออก ไม่มีบาดแผลฉกรรจ์

จากนั้นได้คนในพื้นที่พาขึ้น ‘มอเตอร์ไซค์แม่บ้าน’ สองคันขี่ออกจากทะเลทรายข้ามเขาไปส่งที่โรงพยาบาลในเมืองมาลัง หลิงซ้อนท้ายคันแรกเอาเข่าหนีบคนขี่ มือขวาก็พยุงแขนซ้ายไว้ อีกคันเอา KLX150 ที่หลิงขี่ตั้งขวางลำมัดกับเบาะ ส่วนน้องชายก็ขี่ตามหลังมาพร้อมกันสามคัน เกิดมาจนอายุปูนนี้ก็เพิ่งได้นั่ง ‘ambulance สองล้อ’ เป็นครั้งแรกในชีวิตและเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงที่สุด ทุกอย่างทุลักทุเลจนลืมเจ็บ เพราะมัวชื่นชมในความเทพเจ้าแห่งหุบเขาอะกินะของเขา มึงขี่เก่งมากสึส!!! กระดูกกูหักอยู่นะคะพี่คะ!!
40 นาทีพีรดาถึงห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาล Rumah Sakit Sumber Sentosa หมอจับ x-ray สรุปความได้ว่า กระดูกไหปลาร้าหัก ดูจากฟิล์มโครตน่ากลัว ซี่โครงหัก 2 ซี่ แต่ไม่โคม่า ไม่อันตรายมาก สามารถกลับไปผ่าตัดที่เมืองไทยได้ แต่ต้องระวังเพราะกระดูกที่หักอาจทิ่มปอดทะลุได้ เท่านั้นแหละท่านผู้ชม พีรดารีบจองตั๋วเร็วสุดคือเช้าวันรุ่งขึ้น บินกลับไทยทันที

พอถึงรพ.ที่เมืองไทย รู้สึกอุ่นใจอยากกอดหมอร้องไห้ พีรดาถูกจับ x-ray อย่างละเอียดอีกครั้ง คราวนี้สื่อสารกันรู้เรื่อง อะไรๆ ก็เลยชัดเจนขึ้น และสิ่งที่คุณหมอบอกก็คือ... กระดูกไหปลาร้าแตกละเอียด หักเป็น 4 ท่อน ซี่โครงหัก 3 ซี่ (ไม่ใช่สอง) โชคดีที่ไม่ทิ่มปอด ไม่งั้นก็อันตรายเป็นเรื่องไหญ่อีกเรื่อง แต่มีเลือดออกเล็กน้อยซึ่งมีโอกาสติดเชื้อที่ปอด ต้องนอนรพ.ให้อ๊อกซิเจนช่วยการหายใจเนื่องจากปอดช้ำ หายใจได้เต็มปอด รอดูอาการว่าเลือดจะออกเพิ่มหรือไม่ อาจต้องเจาะข้างลำตัวเพื่อระบายเลือดออก แล้วค่อยทำการผ่าตัดกระดูกต่อไป... เท่านั้นแหละ พีรดารู้สึกตัวชาน้ำตาแทบไหล นี่เราพาตัวเองกลับมาจากอินโดฯ ได้ยังไงในสภาพแบบนั้น

หลังนอนดูอาการได้สองวัน จึงเริ่มทำการผ่าตัด (8 สิงหาคม) สรุปการรักษาคือ ผ่าตัดดามเหล็กที่กระดูกไหปลาร้า ส่วนซี่โครงก็รอให้กระดูกประสานติดกันเองในลักษณะที่หักแบบเยื้องๆ กัน ไม่ได้ต่อเป็นเส้นตรงแบบเดิม รวมนอนรพ.ไป 4 คืน หมอจึงให้กลับมาพักฟื้นต่อที่บ้าน

ขณะที่นั่งเขียนบทความนี้ก็เป็นเวลา 1 เดือนพอดีหลังผ่าตัด โดยรวมอากการดีขึ้น 40% แขนซ้ายเริ่มใช้การได้ดีขึ้น พิมพ์งานได้ ดีที่แขนขวาสามารถทำงานได้ตามปรกติ งดการขี่มอเตอร์ไซค์ เล่นเวท วิดพื้น ยกของหนัก เป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน จนกว่ากระดูกจะแข็งแรงประสานกันสนิท หมอให้กินวิตามินและแคลเซี่ยมเสริมกระดูก ยาอื่นๆ ไม่มี - แฮปปี้พีรดา!

ในหลายทริปที่หลิงขี่เดินทางคนเดียวหรือบางทริปที่มีเส้นทางอันตราย ความฝันกับความตายมันอยู่ใกล้กันแค่นิดเดียว ขอบคุณทุกสิ่งที่ทำให้หลิงกลับถึงบ้านปลอดภัยทุกครั้ง แม้ครั้งนี้จะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าและโชคดีมากแล้ว ต้องยอมรับว่าหลิงประมาทเองที่ไม่สวมการ์ดป้องกันตัว ทักษะกับประสบการณ์ขี่ก็ยังมีไม่มาก และอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอโดยไม่มีใครรู้ล่วงหน้า ส่วนโบรโม่และบาหลีคอยพีรดาแป๊บนะ เราจะกลับไปหาคุณอีกครั้งเพื่อจะได้รู้จักกันมากขึ้นในอีกไม่นานเกินรอ

ขอบคุณแม่ที่ปล่อยให้ลูกสาวออกเดินทางตามความฝัน
ในขณะที่เราขี่มอเตอร์ไซค์ด้วยหัวใจออกไปสู่โลกใบใหม่
เรากำลังหล่อเลี้ยงหัวใจด้วยความรักและความฝัน
และพร้อมเผชิญกับความตายด้วยความว่างเปล่า
ความตายไม่ได้น่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่า
คือการปล่อยให้ความฝันตายไปจากใจเรา

Travel Tips:

- ต้องจองมอเตอร์ไซค์ล่วงหน้า ไม่งั้นอด ร้านนี้ฮอตมาก ราคาไม่แพง มีหลายรุ่นทั้ง KLX150, CRF150, CRF250 ลองส่องในเว็บ www.motoeastjava.com หลิงติดต่อกับอัพพี (Uphi) แต่มีอีกคนชื่อเออร์ฟัน (Irfan) ซึ่งทั้งสองคนภาษาอังกฤษดีมากๆ ที่อินโดฯ นิยมใช้ WhatsApp โหลดมาใช้จะสะดวกกว่า ทางร้านให้ข้อมูลและให้การช่วยเหลือดีมาก หลิงแนะนำร้านนี้

- ควรซื้อประกันอุบัติเหตุด้วยทุกครั้งที่เดินทาง จะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายได้เยอะ

- เนื่องจากบาดเจ็บและหลิงต้องนั่งวีลแชร์ ตอนเช็คอินหรือจองตั๋ว สามารถระบุขอวีลแชร์ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ถ้าไปคนเดียวจะมีเจ้าหน้าที่เข็นให้ แต่ที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์เสียค่าใช้จ่าย 50RM หลิงจึงไม่ขอวีลแชร์ เพราะที่นั่นมีวีลแชร์ให้ใช้ฟรีอยู่แล้ว แต่ต้องมีคนเข็นให้

- แนะนำแอปพลิเคชัน Rome2Rio สำหรับจองโรงแรม รถไฟ รถบัส รถเช่า เครื่องบิน ทุกสิ่งอย่าง เริ่ดมากคือไว้เช็คค่าแท็กซี่และระยะทาง ราคาสมเหตุสมผล

- จากสนามบินจูอันดาเข้าตัวเมือง ประมาณ 20 กม. ค่าแท็กซี่ (ไม่มิเตอร์) 130,000-150,000 IDR (ประมาณ 300-330 บาท)

- จากสุราบายาไปมาลัง ค่าแท็กซี่ (ไม่มิเตอร์) 450,000 IDR ระยะทาง 100 กม. (ประมาณ 1,000 บาท)

- แนะนำคนขับแท็กซี่ชื่อ อาริส (Aries: +62 813 30625787 / WhatsApp) บอกราคาครั้งแรกก็ไม่แพง ไม่ฟันหัวแบะ เราเลยเรียกใช้บริการจากอาริสตลอดทริปนี้ นิสัยดี สุภาพ ตรงเวลา (มาก่อนเสมอ) แม้จะพูดอังกฤษได้น้อย แต่เราใช้ google translate สื่อสารกัน

Story: Ling Bhirada

Photo: Khomkrit Bhirasilpa

    TAG
  • bromo
  • Ling Bhirada
  • indonesia
  • motoring
  • travel

โบรโม่: ความฝัน ความตาย ร่างสลายในทรายฝุ่น

CULTURE/MOTORING
5 years ago
CONTRIBUTORS
Ling Bhirada
RECOMMEND
  • CULTURE&LIFESTYLE/MOTORING

    ใครว่าแพร่เป็นแค่ทางผ่าน

    การเดินทาง ไม่ว่าจะแบ็คแพ็คหรือขี่มอเตอร์ไซค์ บางครั้งจุดหมายไม่ใช่ ‘สถานที่’ ที่เราจะไป แต่เป็น ‘ใครสักคน’ ที่เราคิดถึงและทำให้การเดินทางนั้นเริ่มต้นขึ้น

    Ling Bhirada6 years ago
  • CULTURE&LIFESTYLE/MOTORING

    งานฉลองครบรอบ 3 ปีของ Mooneyes Thailand

    งานฉลองครบรอบ 3 ปีของ Mooneyes Thailand ในประเทศไทยเพิ่งผ่านพ้นไป โดยได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้ร่วมงานทั้งวงการมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ แต่ที่จริงแล้วนั้น Mooneyes มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 60 ปี

    EVERYTHING TEAM6 years ago
  • CULTURE&LIFESTYLE/MOTORING

    ZERO ENGINEERING

    นับตั้งแต่ปี 1992 ที่ “Zero Engineering” ทำให้นักขี่ทั่วโลกได้รู้จักกับ “Zero Style” นิยามใหม่ของความแข็งแกร่งดุดันที่อยู่ภายใต้รูปลักษณ์สวยเฉียบคมแบบซามูไรช้อปเปอร์ เป็นการผสานจิตวิญญาณ และศิลปะแบบตะวันออก เข้ากับเครื่องยนต์ทรงสมรรถนะของฮาร์ลีย์ เดวิดสัน ที่ไม่ใช่แค่มีเอกลักษณ์ แต่ความลิมิเต็ดของโปรดักชั่นคัสตอมไบค์สายเลือดญี่ปุ่นนี้ ยังทำให้ผู้ขับขี่เหมือนได้ครอบครองงานศิลปะแห่งเครื่องยนต์สองล้อที่สามารถนำพาพวกเขาเป็นอิสระจากทุกกฏเกณฑ์ได้ ที่ประเทศไทยในเช้าวันหนึ่งเราก็ได้พบกับส่วนหนึ่งของสหายแห่ง Zero อย่าง ลี่ - ณัฐพล ไตรณัฐี, จอม - ภาณุ พุ่มทับทิม, เคน - ศักดิ์ชัย เจียรพัชร์, อ้อ - วิโรจน์รัตน์ ปิติธนานพ และโชว์​ - รัตนชาติ ถึกป่าย ที่หลงรักอารมณ์ได้ออกฟาดฟันกับลมแรงปะทะบนท้องถนนอย่างเหล่าซามูไรในสไตล์ Zero

    EVERYTHING TEAM6 years ago
  • CULTURE&LIFESTYLE/MOTORING

    INTO THE GREAT UNKNOWN

    Photographer : Fevvvvaa Lanakila MacNaughton Special Thanks : Elder Helmet Custom x Doghead Helmet / Apinan Pinratsuwan

    Fevvvvaa Lanakila MacNaughton6 years ago
  • CULTURE&LIFESTYLE/MUSIC

    “INDIE UNDERRADAR” เพลงดีที่ถูกลืม EP_5 By MMdestro

    Check this out

    EVERYTHING TEAM4 months ago
  • CULTURE&LIFESTYLE/MUSIC

    “INDIE UNDERRADAR” เพลงดีที่ถูกลืม EP_4 (Japanese Indie special) By MMdestro

    Check this out

    EVERYTHING TEAM7 months ago
SIGN UP TO OUR NEWSLETTER
A Monthly update of the new issue from us
THANK YOU FOR YOUR SUBSCRIPTION

We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )