Between Function and Concept | IAMEVERYTHING.CO

LOOKING ON EVERYTHING ?

EXPLORE ON EVERYTHING

Between Function and Concept
เราทุกคนคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า สถาปัตยกรรมคือส่วนผสมของวิทยาศาสตร์และศิลปะ การออกแบบสถาปัตยกรรมนั้นเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยทั้งหลักการทางวิทยาศาสตร์และความสามารถทางศิลปะ

ในขณะที่คำกล่าวนี้ดูเหมือนจะอธิบายธรรมชาติของสถาปัตยกรรมอย่างมีเหตุผล แต่ถ้าเราลองถามตัวเองอีกครั้ง เราอาจพบคำถามที่เพิ่มมากขึ้น มากกว่าคำตอบ สถาปัตยกรรมเป็นวิทยาศาสตร์อย่างไร สถาปัตยกรรมนั้นเป็นศิลปะได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งสองสิ่งจำเป็นต้องรวมกันจริงหรือ แล้วจะรวมกันได้อย่างไร?
สาเหตุหนึ่งอาจเป็นด้วยความเคยชินในการแบ่งแยกประเภทของงานสถาปัตยกรรมที่ค่อยๆ ฝังรากในระบบความคิดของเรา เมื่อพูดถึงงานสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะในสถาบันการศึกษา นอกจากเราจะแบ่งงานไปตามประเภทการใช้งานหรือ Building Type เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล พิพิธภัณฑ์ อนุสรณ์สถาน ฯลฯ แล้ว ในบางครั้งเรายังแบ่งประเภทของงานไปตามกรอบ ทิศทางหรือแนวทางการสร้างงาน เช่นงานนี้เป็นงาน Function หรืองานที่เน้นประโยชน์ใช้สอย งานนั้นเป็นงาน Concept หรืองานที่เน้นแนวความคิด การพูดถึงงานสถาปัตยกรรมโดยแบ่งประเภทความคิดในรูปแบบนี้ แน่นอนว่าเป็นสิ่งสะดวกเข้าใจง่าย เห็นภาพชัดเจน แต่ในขณะเดียวกันก็บิดเบือนธรรมชาติของงานสถาปัตยกรรม แยกความคิดออกเป็นสองส่วน ทำให้เราเข้าใจว่างานทั้งสองประเภทเป็นงานที่มีลักษณะขัดแย้งกัน ฉะนั้นในสายตาผู้รักเหตุผลของการใช้งาน งานคอนเซ็ปต์นั้นก็จะเป็นงานที่เข้าใจยาก เป็นเรื่องของนามธรรมคล้ายความคิดจากโลกอื่น เข้าถึงได้ลำบาก ในขณะที่ในสายตาของผู้รักจินตนาการและการค้นหาสิ่งแปลกใหม่ งานฟังก์ชันก็จะเป็นงานที่จืดชืด เต็มไปด้วยระบบกฎเกณฑ์ไร้ชีวิตชีวา ความคิดดังกล่าวทำให้ทั้งสองกลุ่มความคิดเกิดความเกรงกลัว ไม่ไว้ใจกัน อาจถึงขั้นรังเกียจ พยายามหลีกหนีซึ่งกันและกัน จึงยากที่จะเกิดผลงานสถาปัตยกรรมของนักศึกษา ที่มีความสมดุลย์ขึ้น
ด้วยเหตุนี้ การแบ่งแยกการออกแบบสถาปัตยกรรมเป็นงานฟังก์ชัน และงานคอนเซ็ปต์ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ช่วยให้เราเข้าใจธรรมชาติของการสร้างสรรค์ทางสถาปัตกรรม การเรียนการสอนสถาปัตยกรรม แทนที่จะเริ่มต้นด้วยวิทยาศาสตร์ และศิลปะ ที่ดูจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทำให้เด็กๆ มองแทบไม่ออกว่าทั้งสองระบบความคิดนี้จะทำงานร่วมกันได้อย่างไร สถานศึกษาต่างๆ ในประเทศไทยเอง เริ่มหันมามองงานสถาปัตยกรรมว่าเป็นแขนงวิทยาการที่มีพื้นฐานทางปรัชญาสัมพันธ์กับสาขามานุษย์วิทยา สังคมวิทยาและปรัชญา การเรียนสถาปัตยกรรม ก็จะเป็นการเริ่มต้นด้วยพื้นฐานวิชาทางมานุษย์วิทยาและปรัชญา เพื่อให้เกิดความเข้าใจว่ามนุษย์คืออะไร สัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยกันเองในระบบสังคมและสัมพันธ์กับสิ่งอื่นๆในโลกอย่างไร ทำไมมนุษย์จึงมีความต้องการในรูปแบบต่างๆ ทั้งในด้านการใช้สอยทางกายภาพตลอดจนความต้องการทางจินตภาพหรือความคิดเชิงสัญลักษณ์ และความต้องการเหล่านี้มีวิธีการตอบสนองได้อย่างไร หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นระบบการศึกษาที่เน้นการตั้งคำถามและความเข้าใจธรรมชาติความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และสถาปัตยกรรมประเภทต่างๆ เป็นการเรียนการสอนบนรากฐานของปัญหาหรือ Problem Based เพื่อให้รู้ว่าทำเพื่ออะไร มากกว่าการสอนเพื่อให้ทราบว่าทำอย่างไร การเป็นสถาปนิกจึงเริ่มต้นจากการคิดก่อนการทำเสมอ
แต่แน่นอนว่าความต้องการทางกายภาพไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่เป็นตัวขับเคลื่อนวิถีชีวิตมนุษย์และสังคม มนุษย์มีความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ความทรงจำ และจินตนาการ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นจึงตอบสนองธรรมชาติเหล่านั้นในรูปของการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์และสุนทรียภาพที่หลอมเป็นหนึ่งเดียวกับความต้องการทางกายภาพและการใช้สอยอย่างไม่สามารถแยกจากกันได้ เมื่อเราสามารถเข้าใจเหตุผลของความต้องการด้านต่างๆ ของมนุษย์ สิ่งที่เราออกแบบเพื่อการอยู่ไม่ว่าเราจะเรียกมันว่าอะไรก็จะอยู่ในกรอบของเครื่อข่ายความสัมพันธ์นั้นไปโดยปริยาย ไม่จำเป็นที่เราจะต้องแยกแยะว่าสิ่งที่เราออกแบบนั้นมีเหตุผลและมีความเป็นศิลปะมากน้อยเพียงใด
ตัวอย่างวิทยานิพนธ์ ของนักศึกษาชั้นปีที่ห้า จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จำนวนหนึ่ง ที่เลือกมานี้ ไม่ได้เป็นตัวแทนของงานที่ดีที่สุดจากสถาบันใดสถาบันหนึ่ง แต่เป็นตัวแทนของการพยายามดิ้นรนตอบคำถามดังกล่าว ของเด็กๆ ที่พยายามจะค้นหาสมดุลย์ระหว่างความจริงและจินตนาการ สมดุลย์ระหว่างประโยชน์ใช้สอยที่ควรจะเป็นและแนวความคิดที่พวกเค้ามี มันจึงไม่ใช่ทั้งงานฟังก์ชั่น และไม่ใช่งานคอนเซ็ป แต่เป็นความพยายามของเด็กๆ ที่จะตอบคำถามถึงความสัมพันธ์ระหว่าง เหตุผล ความหมาย การแสดงออก เทคโนโลยี และสุนทรียภาพ ในเวลาเดียวกัน ซึ่งจุดมุ่งหมายของเด็กๆเหล่านี้ ก็คือการพยายามค้นหากระบวนการที่จะสร้างความเข้าใจว่า ทุกสิ่งที่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นในงานสถาปัตยกรรมนั้นจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กันได้อย่างไร
ขอบเขต | เชื่อมต่อ | ปฏิสัมพันธ์ - ความต่อเนื่องของที่ว่างในสถาปัตยกรรม : สนามบินดอนเมือง

อรณา โลหะศิริพงศ์

ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการก่อรูปของพื้นที่กับการทํางานของระบบทางสัญจร / speed ในการเคลื่อนที่ที่แตกต่างกัน / การสร้างการรับรู้ทิศทางจากระบบการสัญจร / ปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคนที่ใช้งานในกลุ่มพื้นที่ต่างกัน / ปฏิสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่ภายใน และการรับรู้สภาพแวดล้อมภายนอก โดยทดลองผ่านการออกแบบสนามบินดอนเมือง
ปฏิสัมพันธ์ในความแตกต่าง / ย่านบางรัก

พิชชาภา วิภาวิวัฒน์

ศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาพื้นที่ย่านบางรัก จากความสัมพันธ์ของโปรแกรมที่แตกต่างกันที่มีอยู่ในบริบท ตั้งแต่ โรงเรียน โบสถ์ โรงแรม และชุมชน / เพื่อพัฒนาการใช้สอยที่ทุกโปรแกรมสามารถแชร์พื้นที่ และการใช้งาน / เพื่อประโยชน์กับทั้งผู้ใช้สอยที่อยู่ในพื้นที่เดิม และผู้ใช้สอยใหม่ ที่จะมีส่วนทำให้ย่านมีชีวิตชีวา
เมือง-ความสัมพันธ์ระหว่างคนและพื้นที่แบบไทยๆ / วังหลัง-ท่าเตียน

จิรวัชร์ อานนท์วัฒนา

ศึกษาลักษณะเฉพาะของการใช้พื้นที่สาธารณะแบบไทยๆ / ระดับของความเป็นสาธารณะ / เพื่อพัฒนาเป็นโปรแกรมที่มีความสัมพันธ์กับโปรแกรมเดิม และโปรแกรมใหม่ ที่จะเอื้อให้เกิดพื้นที่สาธารณะใหม่บนรากฐานของบริบทเดิมในหลากหลายระดับ
สมดุลระหว่างสถาปัตยกรรมและบริบท / ท่าเตียน, วิทยุ

สัณหจุฑม พลอยบุตร

ศึกษาแรงผลัดดันของบริบท ทั้งบริบททางกายภาพ และอุดมคติ ที่มีผลต่อการเกิดของโปรแกรม และมีผลต่อการก่อรูปของอาคาร โดยเลือกศึกษาบริบทที่แตกต่างสองขั้ว ของพื้นที่ ท่าเตียน และพื้นที่ถนนวิทยุ
ตึกแถวในบริบทชุมชนเมืองที่เปลี่ยนไป

ศตพร นุชฉิม

ศึกษา typology ของตึกแถว กับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป และความเป็นไปได้ในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่าง unit และความสัมพันธ์กับบริบทในรูปแบบใหม่ ที่ตอบโจทย์ทางสังคมวัฒนธรรมในปัจจุบัน ในย่านที่แตกต่างกันคือบางลําพู และสามย่าน
การรับรู้ความแตกต่างของพื้นที่ภายใต้การแสดงตัวออกอย่างเบาบาง


วัศพล บรรจงทัด

ศึกษาธรรมชาติของการปิดล้อมพื้นที่ทางสถาปัตยกรรม ตั้งแต่ demarcation - boundary - enclosure โดยทดลองกับโปรแกรมที่ต้องการการปิดล้อมที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ได้แก่ โรงพยาบาล และพื้นที่แสดงงานศิลปะ
การเชื่อมโยงความหลากหลายในชุมชนย่านกะดีจีน

อัญนุช แก้วพฤหัสชัย

ตั้งคําถามเกี่ยวกับสมดุลย์ระหว่างการเป็นย่านชุมชนดั้งเดิม และการใช้ชีวิตในชุมชน กับการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและการมาเยือนของผู้คนภายนอก
    TAG
  • design
  • architecture

Between Function and Concept

ARCHITECTURE/Architecture
6 years ago
CONTRIBUTORS
Tonkao Panin
RECOMMEND
  • DESIGN/Architecture

    OB House by THE OTHERS บ้านที่ตอบโจทย์รสนิยมและตัวตนของผู้อาศัย ภายใต้สถาปัตยกรรมมินิมอลที่มีเอกลักษณ์

    บ้านหลังแรกที่สร้างขึ้นเองของคุณออมมี่ และคุณแบงค์ -ปรีดากร เมรเกรียงชัย Co-Founder แห่งแบรนด์ Gentle RAM บ้าน ที่ตอบโจทย์รสนิยมของทั้งสองที่หลงใหลในความ Timeless และการอยู่อาศัยที่อยู่สบาย เรียบง่าย พร้อมจัดระเบียบชีวิตในบ้านได้อย่างลงตัว บ้านที่ทุกพื้นที่ และทุกฟังก์ชั่นที่ทาง THE OTHERS ผู้ออกแบบได้ขบคิดมาอย่างพิถีพิถันไม่ต่างกับเสื้อผ้าที่เทรลเลอร์เมดให้พอดีกับเจ้าของบ้าน

    EVERYTHING TEAM4 months ago
  • DESIGN/Architecture

    เรียนรู้แนวคิด “Karamarishiro” ปรัชญาทางสถาปัตยกรรมของ Akihisa Hirata สถาปนิกชาวญี่ปุ่นที่ทรงอิทธิพลระดับโลก

    หนึ่งในกิจกรรมจากเวที TOSTEM Asia Design Award (TADA) ซึ่งจัดขึ้นโดย TOSTEM เพื่อเฟ้นหาผลงานสถาปัตยกรรมในเอเชีย ที่มุ่งให้ความสำคัญกับเรื่องของธรรมชาติ ผสานเข้ากับนวัตกรรมการอยู่อาศัยสมัยใหม่ ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้งาน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ซึ่งนอกจากผู้ชนะรางวัลจะได้ร่วมเดินทางไปรับรางวัลที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว ยังได้พบปะกับ Akihisa Hirata สถาปนิกชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงระดับโลก ที่มาแชร์มุมมองแนวคิดการออกแบบโปรเจกต์ต่าง ๆ ตั้งแต่งาน Installation Art บ้านพักอาศัย จนถึงอาคารสาธารณะ ซึ่งความน่าสนใจนอกเหนือจากเอกลักษณ์ภาษาทางสถาปัตยกรรมที่ถ่ายทอดผ่านฟอร์ม และสเปซที่โดดเด่น และเป็นที่จดจำแล้วนั้น สำคัญคือปรัชญาหลักที่เป็นรากฐานความคิดของ Hirata สู่การพัฒนาเป็นสถาปัตยกรรมน่าทึ่งเหล่านั้น ซึ่งเราจะมาเจาะลึกแนวคิดที่ว่านั้นกัน

    By TOSTEM
    EVERYTHING TEAM5 months ago
  • DESIGN/Architecture

    เจาะลึกแนวคิด 2 ผลงานออกแบบจากภาคเหนือ ที่ชนะรางวัล TOSTEM ASIA DESIGN AWARD 2024

    ผสานบริบทธรรมชาติ สอดรับกับวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างลึกซึ้ง พร้อมถ่ายทอดสู่เอกลักษณ์ภาษาทางสถาปัตยกรรม ที่เติมเต็มทั้งสุนทรียศาสตร์ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตผู้อยู่อาศัยได้ทุกมิติ คือจุดร่วมหลักของสองผลงานออกแบบบ้านที่ตั้งอยู่ใน 2 จังหวัดทางภาคเหนือ ที่คว้ารางวัล TOSTEM ASIA DESIGN AWARD 2024 (TADA 2024) ในกลุ่มประเภท “Special Mention for Sustainable Living” มาครอง

    By TOSTEM
    EVERYTHING TEAM5 months ago
  • DESIGN/Architecture

    เชื่อมบริบทธรรมชาติของเมือง Hefei สู่จิตวิญญาณของ 3 โชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ชั้นนำในจีน ที่ออกแบบโดย HAS design and research

    ขึ้นชื่อว่าเป็นโปรเจกต์ออกแบบโดย HAS design and research ของสองสถาปนิกฝีมือแถวหน้าอย่าง คุณเจอร์รี่ หง (Jenchieh Hung) และคุณป้อ-กุลธิดา ทรงกิตติภักดี (Kulthida Songkittipakdee) แล้วนั้นรับรองว่ามิติที่ลึกซึ้งกว่าเรื่องของฟอร์มอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ทุกคนต่างทึ่งไปกับงาน“Aluminum Grotto and Public Ground” งานอินสตอลเลชันสุดอลังการที่จัดแสดงในงานสถาปนิก’67 ก็เป็นตัวอย่างของการผสานองค์ประกอบเรื่องของพื้นผิว-พื้นที่-โครงสร้าง-ฟังก์ชั่นให้เป็นหนึ่งเดียว ภายใต้ภาษาทางสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ และเชื่อมระหว่างภูมิทัศน์ธรรมชาติ ศิลปะเชิงช่าง และวัสดุอุตสาหกรรมได้อย่างน่าตื่นตา มาถึงโปรเจกต์ใหม่ที่เป็นงานออกแบบรีเทลนี้ ทาง HAS ได้พยายามข้ามขนบบางอย่างของการออกแบบพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั่วไป เพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับผู้ที่ได้ไปเยือน

    EVERYTHING TEAM5 months ago
  • DESIGN/Architecture

    SANS STUDIO BANGKOK by PHTAA LIVING DESIGN สตูดิโอที่สร้างเอกลักษณ์ภายนอก จากการนำแสงธรรมชาติเข้าสู่ฟังก์ชั่นภายใน

    กลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ในซอยจ่าโสด เมื่อเราได้พบกับอาคารสถาปัตยกรรมโมเดิร์นเรียบเท่ที่เต็มไปด้วยไดนามิคของเส้นสาย ส่วนคว้านโค้งซึ่งออกแบบมาเพื่อฟังก์ชั่น และเพื่อแสงธรรมชาติ เป็นอาคารโทนสีขาวสะอาดตาแต่ทำให้เราไม่อาจละสายตา กับเอกลักษณ์ดีไซน์ของอาคารที่ทอดตัวยาวพร้อมมีประภาคารเล็ก ๆ นี่คือ SANS STUDIO BANGKOK สตูดิโอแห่งใหม่ที่ก่อตั้งขึ้นโดยเจ้าของผู้สนใจในงานสถาปัตยกรรมและศิลปะการถ่ายภาพ หลังจากเรียนจบมาจากฝรั่งเศส โดยให้เป็นสตูดิโอที่รองรับงานถ่ายภาพ โปรดัคชั่น จนถึงอีเวนต์ ที่ได้ทาง PHTAA LIVING DESIGN มาเป็นบริษัทสถาปนิกออกแบบให้

    EVERYTHING TEAM2 years ago
  • DESIGN/Architecture

    “สถาปนา/สถาปัตยกัม” นิทรรศการแห่งการเฉลิมฉลอง 90 ปี ของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นคณะสถาปัตยกรรมแห่งแรกของประเทศไทย ที่มีการเปิดให้เรียนในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับสถาปัตยกรรมศาสตร์ ก่อตั้งโดย อาจารย์นารถ โพธิประสาท ในปี พ.ศ. 2476 และมีการเปิดใช้ตึกคณะสถาปัตยกรรมครั้งแรกในปี พ.ศ. 2484 จนต่อมาในปี พ.ศ. 2485 ภายใต้รัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้มี “ประกาศปรับปรุงอักสรไทย” ขึ้นเพื่อให้การสะกดคำในภาษาไทยกะทัดรัดและลดความซ้ำซ้อนของตัวอักษรลง ชื่อคณะสถาปัตยกรรม จึงถูกเปลี่ยนแปลงและใช้ชื่อว่า คณะสถาปัตยกัม อยู่นานถึงสองปี ก่อนจะมีการกลับมาใช้ชื่อเดิมอีกครั้ง (หลังจบสงคราม) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2487 เป็นต้นไป

    EVERYTHING TEAM2 years ago
SIGN UP TO OUR NEWSLETTER
A Monthly update of the new issue from us
THANK YOU FOR YOUR SUBSCRIPTION

We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )