LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING
นักรบ มูลมานัส ศิลปินที่เก็บความเจ็บแค้น จากความอยุติธรรมต่างๆ ถ่ายทอดออกมา เป็นงานของตัวเองในรูปแบบคอลลาจ งาน ศิลปะ และบทกวี
ช่วยเล่าถึงงานออกแบบปกนิยายเรื่อง “ปีศาจ” ที่เพิ่งตีพิมพ์ครั้งล่าสุดหน่อย
เป็นภาพวาดคนคลุมผ้าคล้ายผีรวมตัวกันเป็นรูปทรงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่เราตั้งชื่อว่า “Happy Halloween!” เบื้องหลังความคิดเชื่องโยงมาจากหนังสือเรื่อง “ปีศาจ” ของเสนีย์ เสาวพงษ์ ที่เราออกแบบปกหนังสือให้ เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดเสรีนิยม แต่ถูกผู้ใหญ่อนุรักษ์นิยมมองว่าเป็นปีศาจ ซึ่งคนดูงานของเราก็จะตีความต่อยอดออกไปต่างๆ กัน ความน่าสนใจและความพิเศษของศิลปะจึงอยู่ตรงคนดูมีเสรีภาพในความคิด ศิลปินทำงานเสร็จก็จบ ที่เหลือเป็นการตีความของคนดู
เป็นการทำงานศิลปะที่เกิดจากความอัดอั้นหรือเปล่า
จริงๆ เราไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ทำเป็นการ Call Out อะไร เพราะเราทำงานในฐานะศิลปิน และ นักออกแบบ แรงบันดาลใจของเรามาจากสิ่งรอบตัว และสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม แน่นอนว่าความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และจะดำเนินไปยังอนาคตเป็นสิ่งที่กระเทือนใจเราแทนที่จะเก็บไว้เป็นความเจ็บแค้นอัดอั้น เราเลือกที่จะถ่ายทอดออกมาเป็นงาน
คิดว่าศิลปินต้องการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองทุกคนหรือเปล่า
เราว่าศิลปินต้องนำเสนอความคิดเห็นในประเด็นที่ตนเองสนใจ ในภาษาและวิธีการที่ แตกต่างกัน แต่ศิลปะแต่ละคนก็มีความสนใจที่ต่างกันไป และมีความสบายใจหรือไม่สบายใจที่จะพูดต่างกัน ดังนั้นถ้าศิลปินอีกคนสนใจเรื่องอื่น และเขาก็เล่าเรื่องอื่นออกมา ส่วนตัวแล้วก็ทำได้ ไม่คิดว่าศิลปินทุกคนต้องออกมาพูดเรื่องการเมือง ขึ้นอยู่กับว่าคุณสนใจ คุณรู้สึก และอยากจะถ่ายทอดออกมาหรือไม่มากกว่า เรามองว่าเราเป็นศิลปินที่ไม่ได้มีส่วนช่วยสังคมโดยตรง เราไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เราทำอยู่ช่วยใครได้ขนาดนั้น แต่อาจจะช่วยในแง่ของการเป็นแรงบันดาลใจให้คนลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ ถ้าคนลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างกันเยอะๆ มันก็เกิดแรงกระเพื่อม อีกอย่างคืออาจจะทำให้คนมีเสรีภาพได้มากขึ้นนิดหน่อย เสรีภาพในความคิดของเราไม่มีใครบังคับ และพรากมันไปได้ เวลาคนดูงานเราแล้วเกิดความต่อยอดนู่นนี่เราก็ว่าเป็นสิ่งที่ดี
การแสดงความเห็นทางการเมือง ทำให้ต้องเสียโอกาสในด้านการทำงานไปบ้างหรือไม่
เสียมากอย่างรู้สึกได้ (หัวเราะ) ในการทำงานเชิง Commercial Art แต่ในทางกลับกัน เราได้ Explore ลงไปในมิติที่เราอยากจะไปถึงมากขึ้น เราอยากทำงานให้ลึกกว่าเดิม และมีความร่วมสมัยมากขึ้น ก็เป็นสิ่งที่ต้องแลก กับงานเชิง Commercial ที่ลดลง ซึ่งเราก็ยอมรับได้นะ
คิดอย่างไรกับคำพูดที่ว่าศิลปินควรอยู่แต่ในพื้นที่ของตัวเอง
ถูกต้องที่ใครๆ ก็ควรอยู่ในที่ของตัวเอง และทุกคนก็อยากอยู่แต่ในที่ของตัวเองแหละ เพราะสบาย และปลอดภัยสุด แต่มันได้ไหมล่ะ คิดสิ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เรามีสังคมและมีโลกที่เราต้องเข้าร่วม ฉะนั้นเราจะไม่อยากให้พื้นที่ส่วนกลางมันดีขึ้นบ้างเหรอ อยากฝากไว้ให้คิด
คิดว่าศิลปินบ้านเรา มีเสรีภาพในการแสดงออกมากน้อยแค่ไหน
คิดว่าก็มากอยู่นะ ถ้าขมวดปมดีๆ เพราะบางทีรัฐ และผู้มีอำนาจอาจจะไม่ฉลาดพอที่จะเข้าใจหลายๆ สิ่ง และมันก็คือ Magic ของศิลปะด้วย ที่มันมีอิสระเสรี มันดิ้นได้ ไม่ตายตัว ไม่มีความหมายในตัวมันเอง คนดูต่างหากที่สร้างความหมายของมันขึ้นมา”
ถ้าการเมืองดีขึ้น วงการศิลปะที่เราทำงานอยู่จะดีขึ้นอย่างไรบ้าง
ได้เงินเยอะขึ้น อยู่ดีกินดี (หัวเราะ) นั่นก็ทำให้เรามีความสุข อยากทำสิ่งดีๆ ให้กับตัวเอง และคนอื่นให้มากกว่านี้ มีหลักประกันทางสังคม ไม่ต้องมาบ่นเรื่องประสาทแดกในชีวิตประจำวันต่างๆ เช่น รถติด น้ำท่วม โรงพยาบาลรัฐสุดห่วย หน่วยงานราชการทำงานช้า รถไฟฟ้าเสีย อีกอย่างคนจะเห็นคุณค่าของศิลปะ และงานสร้างสรรค์มากขึ้นมั้ง หวังว่านะครับ
อยากฝากอะไรถึงท่านผู้นำ
คนฝากเป็นล้านแล้ว ขอไม่ฝากเพิ่ม ไปตรองดูเอาเถิด
A Collage of Democracy : นักรบ มูลมานัส
/
วัลลภ รุ่งกำจัด หรือ อุ้ม นักแสดงที่เชื่อมโยงความเป็นมนุษย์กับโลกของภาพยนตร์ ผ่านการสร้างชีวิตให้ตัวละครต่าง ๆ ได้ออกมาโลดแล่นแสดงความรู้สึกทางอารมณ์ให้กับผู้ชม แม้เขาจะไม่ได้เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในวงกว้างเทียบเท่ากับนักแสดงกระแสหลัก แต่ในเวทีระดับโลก “อุ้ม” ได้พิสูจน์ตัวเองกับการเป็นนักแสดงที่มีความสามารถที่ยอมทุ่มเทหลาย ๆ สิ่ง ให้กับงานศิลปะด้านการแสดงในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้อย่างสุดตัว
/
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เราได้รู้จักกับเธอคนนี้ในชื่อของ พัด หรือที่ชอบเรียกติดปากกันว่า พัด ZWEED N’ ROLL เจ้าของเสียงทุ้มมีเสน่ห์ นักร้องและนักแต่งเพลงที่ฝากผลงานเพลงเศร้าเอาไว้ในวงการมากมาย อาทิ ช่วงเวลา, Diary, อาจเป็นฉัน และอีกมากมาย ไม่มีอะไรแน่นอนแม้กระทั่งตัวเราเอง ช่วงเวลาจึงได้พัดพาให้เรามาทำความรู้จักกับ “MAMIO” ในฐานะศิลปินใหม่จากค่าย Warner Music Thailand ซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งของคุณพัดที่ไม่เคยถูกปลดปล่อยออกมาเลยตลอดชีวิตการทำงานในวงการสิบกว่าปีที่ผ่านมา หรือถ้าจะให้ซื่อสัตย์กับตัวเองจริง ๆ ก็อาจจะเป็นทั้งชีวิตที่เกิดมาเลยเสียด้วยซ้ำ
/
Whispers เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่สะท้อนการเติบโตของวงการ Hardcore ในประเทศไทยอย่างแท้จริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงกลุ่มเพื่อนที่หลงใหลในดนตรี เพราะนอกจากจะเป็นผู้เล่น พวกเขายังเป็นกำลังสำคัญที่คอยผลักดันซีนฮาร์ดคอร์ในบ้านเรามาโดยตลอด ประสบการณ์ที่สั่งสมทำให้เกิดเป็นสไตล์เฉพาะของ Whispers สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้พวกเขาก้าวไปสู่เวทีระดับสากล ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ใต้ดินของไทย แต่เสียงคำรามของพวกเขาก็ดังไปไกลถึงทวีปยุโรป มาพบกับเส้นทางดนตรีที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและการเปลี่ยนแปลง กับวงฮาร์ดคอร์ระดับบท็อปของ Southeast Asia
/
ด้วยลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์และรูปแบบงานสักของเขา ที่เรารู้สึกแปลกประหลาดกว่างานสักอื่น ๆ (แปลกประหลาดในที่นี้คือความหมายในแง่ดีนะ) ก็เลยตัดสินใจส่งข้อความทักไปหา “พี่นัทครับ ผมขอสัมภาษณ์พี่ได้ไหม” “ได้ครับ” สั้น ๆ แต่จบ เรื่องราวทั้งหมดก็เลยเริ่มต้นขึ้นที่ร้าน CAVETOWN.TATTOO แถว ๆ ปิ่นเกล้า ซึ่งพี่นัทเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ บทสนทนาของเราเริ่มกันในช่วงเวลาบ่าย ๆ ของวันพฤหัส พอไปถึงร้านพี่นัทกำลังติดงานสักให้กับลูกค้าอยู่หนึ่งคน พอได้เห็นลายที่เขาสักต้องบอกว่าเท่มาก ๆ มันมีความเป็น Psychedelic บวกกับ Ornamental ผสมผสานกับเทคนิค Dotwork จนกลายเป็นงานศิลปะบนผิวหนังหลังฝ่ามือ เราถึงกับต้องถามคำถามโง่ ๆ กับลูกค้าที่ถูกสักว่า “เจ็บไหม” แน่นอนคำตอบที่ได้คือ “โคตรเจ็บ” เพราะจุดที่สักคือหลังฝ่ามือ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายคนร่ำลือกันว่าโคตรเจ็บ ระหว่างที่รอพี่นัทไปพลาง ๆ น้องแมคช่างภาพที่มีรอยสัก Full Sleeve เต็มแขนขวา ก็เริ่มกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปเก็บภาพระหว่างที่เขาสักไปด้วย พอสักเสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยให้พี่เขาพักผ่อนกินน้ำ ปัสสาวะ (อ่านแยกคำนะอย่าอ่านติดกัน) ก่อนจะพูดคุย แต่เดี๋ยว ! ก่อนจะเริ่มบทสนทนา เราขอเกริ่นให้ฟังซักนิดนึงเกี่ยวกับชายคนนี้ก่อน
/
ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีวงดนตรีสัญชาติไทยที่ชื่อ KIKI ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในวงที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากทั้งในประเทศไทย ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง ก็เพราะด้วยเสียงเพลงที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และการนำเสนอแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงความตั้งใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงตัวตนของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
/
คำตอบที่ถูกต้องแน่แท้ของคำถามที่ว่า “ศิลปะแบบไหนที่เรียกว่าสวย” นั้น คงยากพอ ๆ กับความพยายามในการค้นหาทฤษฎีวิทยาศาสตร์มาอธิบายว่าพระอาทิตย์สามารถขึ้นทางทิศตะวันตกได้ เพราะศิลปะที่เป็นเหมือนโลกอีกใบที่อยู่คู่ขนานไปกับโลกจริง อันประกอบสร้างจากความเชื่อ วัฒนธรรม และภูมิหลังของศิลปิน มักถูกตัดสินจากรสนิยมส่วนตัวของผู้ชมแต่ละคน บางคนสนใจแค่ความเจริญตา แต่กลับบางคนอาจมองลึกลงไปยังเบื้องลึกของมัน แล้วตัดสินจากประสบการณ์และความรู้สึก ซึ่งไม่อาจใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานตายตัวที่บ่งบอกถึงรสนิยมโดยรวมของสังคมได้ เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นผลงานศิลปะชิ้นเดิม แต่คุณค่าและนิยามความสวยงามของมัน ก็อาจสามารถแปรผันไปได้ตามช่วงวัยของเราที่เปลี่ยนแปลงไป
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )